ศบค.แถลงไทยไม่ติดเชื้อโควิด 3 สัปดาห์ต่อเนื่อง ห่วงคนไทยอียิปต์-ซาอุฯ ป่วยร้องกลับประเทศ ย้ำสถานทูตดูแลอย่างดี ยังไม่สรุป “ทราเวลบับเบิล” เที่ยวด้านสุขภาพ เข้มตรวจตลาด หลังปักกิ่งพบระบาดในเขียงปลาแซลมอน ขอกินอาหารปรุงสุก
วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย ไม่พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มทั้งในประเทศและในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,135 ราย หายป่วยสะสม 2,987 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย ทำให้ขณะนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 21 วันต่อเนื่อง ต้องขอบคุณทุกคนที่พยายามทำตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด และวันเดียวกันนี้เป็นวันแรกที่เราเปิดกิจกรรมและกิจการสีแดงที่มีความเสี่ยงสูง จึงยิ่งต้องระมัดระวังตัว และอีกอย่างที่เราต้องรับมือคนไทยที่ลงทะเบียนเดินทางกลับประเทศไทย ที่มีจำนวนเป็นหลักพันหลักหมื่นอยู่
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ 7,988,615 ราย เสียชีวิต 435,446 ราย ทำก็ภาวนาว่าตัวเลขวันที่ 15 มิ.ย.อย่าให้ถึง 8 ล้านคน แต่หลายวันที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อวันละเป็นหลักแสน ทำให้เห็นว่าสถานการณ์จากกราฟยังพุ่งสูงอยู่ ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าสนใจพบว่า ประเทศจีนเผยแพร่ออกมาเผยแพร่ข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ปักกิ่ง 57 ราย ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 2 เดือน ในจำนวนนี้มีผู้เกี่ยวข้องกับตลาดซินฟาตี้ ตลาดสดและมีการพบเชื้อบริเวณเขียงปลาแซลมอน ทำให้ต้องตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้กรุงปักกิ่งต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอีกรอบ ในเมืองไทยแม้ยังไม่พบติดเชื้อจากปลา แต่ขอว่าช่วงนี้ก็ขอว่าให้กินปลาที่ปรุงสุก และขอให้ทำความสะอาดพื้นผิวตลาดอย่างเคร่งครัด ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกรุงโตเกียวถึง 47 คน และเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง แม้โตเกียวจะยังไม่สั่งปิดสถานท่องเที่ยว แต่จะตรวจเชื้อและเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป ขณะที่ประเทศออสเตรเลีย รัฐนิวเซาท์เวลส์ พบผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นรายแรกเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ค. เป็นสัญญาณว่าการระบาดยังไม่สิ้นสุดง่ายๆ เราต้อเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาเป็นบทเรียก เพื่อปรับมาตรการปกป้องคนไทยต่อไป
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เดินทางกลับประเทศไทย วันเดียวกันนี้มีผู้เดินทางกลับทั้งสิ้น 3 เที่ยวบินจำนวน 470 คน และในวันที่ 16 มิ.ย.มี 4 เที่ยว จำนวน 553 คน ส่วนกรณีที่มีคนไทยในประเทศอียิปต์ และซาอุดีอาระเบียร้องขอกลับประเทศจะมีการมาตรการช่วยเหลืออย่างไร เรื่องนี้ ผอ.ศบค.เป็นห่วงคนไทย เพราะถือว่าทุกคนมีสิทธิกลับประเทศ แต่ต้องปลอดภัย ทั้งผู้เดินทางกลับ ผู้โดยสารและคนไทยในประเทศนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดกรณีเช่นนี้ คงต้องรอให้รักษาจนหายแล้วค่อยเดินทางกลับ ระหว่างนี้ทางสถานเอกอัครราชทูตประจำทั้งสองประเทศจะดูแลเป็นอย่างดี และการเดินทางกลับใช่ว่าประเทศไทยจะมีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียว แต่สนามบินก็มีเงื่อนไขด้วย
เมื่อถามว่าการผ่อนคลายในระยะที่ 4 นักดนตรีตามร้านอาหารจะเล่นดนตรีกลางคืนได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า จะเล่นได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานประกอบการนั้นๆ จดทะเบียนไว้อย่างไร นักดนตรีต้องถามทางร้าน หากไม่ขอแล้วไปเล่นก็มีความเสี่ยง เพราะการลงพื้นที่ตรวจกิจกรรมและกิจการต่างๆ จะต้องยึดกฎหมายปกติด้วย
เมื่อถามต่อว่ากรณีมีการพบเชื้อในหลายประเทศทบทวนการจับคู่แลกเปลี่ยนทัวริสต์กับประเทศในเอเชีย โดยให้คู่ประเทศที่มีอัตราผู้ติดเชื้อน้อยเข้ามาก่อน (ทราเวลบับเบิล) หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนแถลงว่าที่ประชุม ศบค.รับหลักการในเรื่องนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ก็เข้าไปดูรายละเอียด มีข้อกังวลว่าตอนนี้เชื้อโรคระบาดไปทั่วโลก และการติดเชื้อวันละเป็นแสนรายจึงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเศรษฐกิจกับสุขภาพ อย่างเช่นประเทศจีนเน้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เราก็ใช้หลักการอย่างนี้ ที่มองว่าการให้คนเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ก็ต้องมองด้วยว่าหากมีการติดเชื้อก็จำเป็นต้องใช้เงินในการรักษา จึงต้องคิดให้รอบคอบ และขอให้ทุกคนใจเย็น เรามีผู้มีผู้รู้ที่กำลังคิดและตัดสินใจในเรื่องนี้ โดยจะมีการหารือในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เพื่อนำเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ7,988,615 ราย เสียชีวิต 435,446 ราย ทำก็ภาวนาว่าตัวเลขวันที่ 15 มิ.ย.อย่าให้ถึง 8 ล้านคน แต่หลายวันที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อวันละเป็นหลักแสน ทำให้เห็นว่าสถานการณ์โบกกราฟยงพุ่งสูงอยู่ ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าสนใจ พบว่า ประเทศจีน เผยแพร่ออกมาเผยแพร่ข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ปักกิ่ง 57 ราย ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 2 เดือน ในจำนวนนี้มีผู้เกี่ยวข้องกับตลาดซินฟาตี้ ซึ่งเป็นตลาดสดและมีการพบเชื้อบริเวณเขียงปลาแซลมอน ทำให้ต้องตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้กรุงปักกิ่งต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอีกรอบ ในเมืองไทยแม้ยังไม่พบติดเชื้อจากปลา แต่ขอว่าช่วงนี้ก็ขอว่าให้กินปลาที่ปรุงสุก และขอให้ทำความสะอาดพื้นผิวตลาดอย่างเคร่งครัด ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ในกรุงโตเกียวถึง 47 คน และเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง แม้โตเกียวจะยังไม่สั่งปิดสถานท่องเที่ยว แต่จะตรวจเชื้อและเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป ขณะที่ประเทศออสเตรเลีย รัฐนิวเซาท์เวลส์ พบผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นรายแรก เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ค. เป็นสัญญาณว่าการระบาดยังไม่สิ้นสุดง่ายๆ เราต้อเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาเป็นบทเรียก เพื่อปรับมาตรการปกป้องคนไทยต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เดินทางกลับประเทศไทย วันเดียวกันนี้มีผู้เดินทางกลับทั้งสิ้น 3 เที่ยวบินจำนวน 470 คน และในวันที่ 16 มิ.ย.มี 4 เที่ยว จำนวน 553 คน ส่วนกรณีที่มีคนไทยในประเทศอียิปต์ และซาอุดิอาระเบียร้องขอกลับประเทศจะมีการมาตรการช่วยเหลืออย่างไร เรื่องนี้ผอ.ศบค.เป็นห่วงคนไทย เพราะถือว่าทุกคนมีสิทธิกลับประเทศ แต่ต้องปลอดภัย ทั้งผู้เดินทางกลับ ผู้โดยสารและคนไทยในประเทศนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดกรณีเช่นนี้ คงต้องรอให้รักษาจนหายแล้วค่อยเดินทางกลับ ระหว่างนี้ทางสถานเอกอัครราชทูตประจำทั้งสองประเทศจะดูแลเป็นอย่างดี และการเดินทางกลับใช่ว่าประเทศไทยจะมีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียว แต่สนามบินก็มีเงื่อนไขด้วย
เมื่อถามว่าการผ่อนคลายในระยะที่ 4 นักดนตรีตามร้านอาหารจะเล่นดนตรีกลางคืนได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จะเล่นได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานประกอบการนั้นๆจดทะเบียนไว้อย่างไร นักดนตรีต้องถามทางร้าน หากไม่ขอแล้วไปเล่นก็มีความเสี่ยง เพราะการลงพื้นที่ตรวจกิจกรรมและกิจการต่างๆจะต้องยึดกฎหมายปกติด้วย
เมื่อถามต่อว่ากรณีมีการพบเชื้อในหลายประเทศทบทวนการจับคู่แลกเปลี่ยนทัวริสต์กับประเทศในเอเชีย โดยให้คู่ประเทศที่มีอัตราผู้ติดเชื้อน้อยเข้ามาก่อน (ทราเวลบับเบิล) หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนแถลงว่าที่ประชุมศบค.รับหลักการในเรื่องนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรงวสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย ก็เข้าไปดูราละเอียด มีข้อกังวลว่าตอนนี้เชื้อโรคระบาดไปทั่วโลก และการติดเชื้อวันละเป็นแสนรายจึงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเศรษฐกิจกับสุขภาพ อย่างเช่น ประเทศจีนเน้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เราก็ใช้หลักการอย่างนี้ ที่มองว่าการให้คนเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ก็ต้องมองด้วยว่าหากมีการติดเชื้อก็จำเป็นต้องใช้เงินในการรักษา จึงต้องคิดให้รอบคอบ และขอให้ทุกคนใจเย็น เรามีผู้มีผู้รู้ที่กำลังคิดและตัดสินใจในเรื่องนี้ โดยจะมีการหารือในที่ประชุมศบค.ชุดเล็กในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เพื่อนำเสนอที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ต่อไป