ศบค.เผย ไทยพบโควิด-19 เพิ่ม 4 ราย กลับจากอินเดีย ไฟเขียวเลิกเคอร์ฟิว 15 มิ.ย. ผ่อนคลายนั่งดื่มที่ร้านได้ แต่ “อาบอบนวด-คาราโอเกะ” ยังแห้ว พร้อมเปิดประเทศต้อนรับนักธุรกิจเล่นกอล์ฟ-กลุ่มเข้ามารักษาพยาบาล
วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย ทั้งหมดอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,129 ราย หายป่วยสะสม 2,987 ราย ซึ่งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 4 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากประเทศอินเดีย เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ รายที่ 1 เป็นหญิงไทย อายุ 39 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางมาถึงประเทศไทย วันที่ 4 มิ.ย.เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี ในวันที่ 9 มิ.ย.ตรวจพบเชื้อ รายที่ 2-4 เป็นชายไทย อายุ 37 ปี และ อายุ 53 ปี อาชีพรับจ้าง และหญิงไทย อายุ 44 ปี อาชีพพนักงานนวด เดินทางมาถึงประเทศไทยในวันที่ 5 มิ.ย. เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อในวันที่ 10 มิ.ย. แต่ไม่มีอาการ ทำให้ขณะนี้ไม่มีการแพร่ระบาดภายในประเทศติดต่อกันเป็นเวลา 19 วัน แต่เราการ์ดต้องไม่ตก เพราะนักวิชาการบางท่านบอกว่าต้องไม่มีการแพร่ระบาดติดต่อกันถึง 28 วัน แม้เราปลอดภัย แต่สถานการณ์โลกยังติดเชื้อเป็นจำนวนมาก จึงยังน่ากังวลอยู่ สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ 7,596,987 ราย และ เสียชีวิต 423,844 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับข่าวที่น่าสนใจ คือ รถจักรยานยนต์สาธารณะของประเทศอินโดนีเซีย นอกจากจะใส่หน้ากากอนามัยแล้ว ยังมีแผ่นพลาสติกใสติดด้านหลังผู้ขับขี่ เพื่อป้องกันละอองฝอยหากหันหลังไปคุยกับผู้โดยสารตรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับคนไทยด้วย ทั้งนี้ ในที่ประชุมใหญ่ ศบค.นายกฯขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานหนัก จนตัวเลขเป็นศูนย์ติดต่อกัน 18 วัน ถือเป็นความสำเร็จของประเทศไทยที่มีการเผยแพร่เป็นตัวอย่างไปทั่วโลก แต่นายกฯบอกว่าตอนนี้ยังไม่สามารรถไว้วางใจในเรื่องของความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคในระลอกสอง เพราะในเชิงวิชาการมีการพูดกัน รวมถึงกิจกรรมและกิจการที่มีความเสี่ยงสูงก็เริ่มมีการผ่อนคลาย สิ่งที่ต้องทำโดยเร็ว คือ การวิจัยยาและวัคซีน ซึ่งเราจะร่วมมือกับต่างประเทศในการดำเนินการ เพื่อดูแลคนของเราให้ดีที่สุด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวแทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอหลักการการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด โดยจะพิจารณาจากประเทศ หรือเมืองที่ดูแลพื้นที่ภายในของตัวเองได้เป็นอย่างดี อาทิ จีน ฮ่องกง มาเก๊า เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ลาว เมียนมา ตะวันออกกลางบางประเทศ ซึ่งการเดินทางระหว่างกันต้องเข้มงวด ต้องมีการประกันสุขภาพด้านสาธารณสุข และที่เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ เมื่อให้เขาเข้ามาแล้วต้องกักตัวหรือไม่ เราจึงต้องทำให้มั่นใจที่สุด และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาต้องเป็นลักษณะนักท่องเที่ยวแบบเจาะจง เข้ามาแล้วเราควบคุมได้ เช่น การเข้ามาเพื่อเล่นกอล์ฟที่เข้ามาแล้วมีที่อยู่ชัดเจน และสามารถติดตามบุคคลที่เขาไปสัมผัสได้ รวมถึงอาจจะเป็นการจำกัดบางพื้นที่ บางแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้เบื้องต้น คือ กลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มที่เข้ามารับบริการตรวจรักษาทางการแพทย์ เพราะเป็นกลุ่มมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงและติดตามตัวได้ ทั้งนี้ ผอ.ศบค.ได้เห็นชอบในหลักการ แต่ในส่วนของรายละเอียดให้มีตั้งคณะกรรมการชุดย่อย เพื่อดูมาตรการและวิธีการ ดำเนินมาตรการโดยเร็ว แม้วิธีการนี้จะทำให้เกิดรายได้ แต่ต้องควบคุมโรคด้วย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการผ่อนคลายซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. โดยมีการยกเลิกห้ามออกนอกเคหสถาน แต่ยังคงมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกประเทศทั้งทางบก น้ำและอากาศ ส่วนการผ่อนคลายการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนหรือสถานศึกษานั้น การเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติ หรือสถาบันการศึกษาหลักสูตรนานาชาติ โรงเรียนนอกระบบ และโรงเรียนกวดวิชา สามารถดำเนินการได้ รวมถึงการเรียนการสอนของโรงเรียนในระบบที่มีนักเรียนไม่เกิน 120 คน รวมถึงโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ถ้ามีการจัดเตรียมได้เร็วสามารถเปิดได้ในสัปดาห์หน้า และการใช้อาคารสถานที่ของหน่วยงานราชการและหน่วยงานในกำกับของรัฐจัดอบรม สัมมนา หลักสูตรที่หน่วยงานนั้นจัดขึ้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมและกิจการที่ได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 4 และจะมีผลในวันที่ 15 มิ.ย.เช่นเดียวกันนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ กิจกรรมด้านเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิต แบ่งเป็น 5 ส่วน คือ การจัดประชุม อบรม สัมมนาจัดนิทรรศการ งานพิธี จัดเลี้ยง แสดงดนตรี หรือการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโรงแรม โรงมหรสพ ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า หรือสถานที่อื่นๆ อนุญาตให้มีการดำเนินการ แต่กำหนดว่าต้องมีหลักเกณฑ์จัดพื้นที่ 4 ตารางเมตรต่อ 1 คน รวมถึงงานจัดเลี้ยง งานอีเวนต์ การเปิดตัวสินค้า การกวดแข่งขันกีฬา ให้ยืน-นั่งห่างกัน 1 เมตร และงานดนตรี คอนเสิร์ต อนุญาตให้มีการดำเนินการ แต่ให้ใช้หลักเกณฑ์พื้นที่ 5 ตารางเมตรต่อ 1 คน รวมถึงการบริโภคสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ในภัตตาคาร สวนอาหาร โรงแรม และร้านอาหาร และสถานที่ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และได้รับการผ่อนคลายก่อนหน้านี้ ยกเว้นในส่วนของสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ โรงเบียร์ ยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการ ขณะที่สถานพัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน ศูนย์เด็กพิเศษ และสถานดูแลผู้สูงอายุรายวัน สถานที่ดูแล สถานที่พำนักอาศัยหรือสถานสงเคราะห์อื่นที่จัดสวัสดิการให้กับเด็กหรือผู้สูงอายุ อนุญาตให้ดำเนินการแต่มีหลักเกณฑ์เด็กเล็กต้องมีพื้นที่ 2 ตารางเมตรต่อคน ผู้สูงวัยต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ คัดกรองไข้ สำหรับศูนย์วิจัยเพื่อการศึกษาอุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม เปิดให้บริการเป็นรอบ ในส่วนของกิจการถ่ายภาพยนตร์ วีดีทัศน์ และรายการโทรทัศน์ ทีมงานไม่เกิน 150 คน และผู้เข้าชมไม่เกิน 50 คน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมด้านการออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ และสันทนาการที่ได้รับการผ่อนคลาย คือ การอบตัว อบสมุนไฟ อบไอน้ำแบบรวมในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพสปา หรือสถานประกอบการนวดแผนไทย แต่เน้นให้บริการแบบแยกห้องเดี่ยว หากเป็นห้องรวมให้ควบคุมผู้ใช้บริการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการต่อรอบ คิดเกณฑ์ 5 ตารางเมตรต่อคน ยกเว้นในส่วนของสถานบริการกิจการอาบน้ำ สถานประกอบกิจการอาบ อบ นวด ยังไม่อนุญาตให้เปิดดำเนินการ ขณะที่การออกกำลังแบบกลุ่มในสวนสาธารณะ ลานกิจกรรม พื้นที่กิจกรรมสาธารณะ หรือลานกีฬากลางแจ้ง จำกัดการรวมกลุ่มกำหนดพื้นที่ 5 ตารางเมตรต่อคน และรวมกันไม่เกิน 50 คน สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก ยกเว้นการใช้เครื่องเล่นในลักษณะติดตั้งชั่วคราวและมีพื้นที่สัมผัสมาก เช่น บ้านบอล บานลม ในส่วนของสวนน้ำคิดหลักเกณฑ์ 4 ตารางเมตรต่อคน สนามกีฬา สถานที่ออกกำลังกาย หรือลานกีฬาเพื่อการเรียนการสอนในทุกประเภทการกีฬา สามารถจัดการแข่งขันและถ่ายทอดการแข่งขันได้ แต่ต้องไม่มีผู้ชมอยู่ในสนามแข่งขัน และผู้จัดการแข่งขันต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ราชการกำหนด รวมถึงให้เปิดตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญ ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย เฉพาะในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และศูนย์คอมมูนิตี้มอลล์
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับการขนส่งข้ามจังหวัดนั้น เครื่องบินสามารถดำเนินการได้โดยให้มีผู้โดยสาร เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะการเดินทางในประเทศใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่ความเสี่ยงติดเชื้อต้องนั่งติดกันถึง 2 ชั่วโมง และต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ในส่วนของรถโดยสารนั้นให้มีผู้โดยสาร 70 เปอร์เซ็นต์ ทุกมาตรการต้องยึดหลักการเฝ้าระวัง ป้องกันการแพร่ระบาด ส่วนที่มีคำถามว่า การติดเชื้อภายในประเทศน้อยลงเรายังจำเป็นต้องลงทะเบียนในแอปพลิเคชันไทยชนะหรือไม่ ตอนนี้ไม่มีที่ใดในโลกปลอดภัย แม้ประเทศไทยจะแพร่เชื้อภายในเป็นศูนย์มา 18 วันแล้ว แต่ถ้าเราเปิดการเดินทางโอกาสเสี่ยงก็จะสูงขึ้น แอปพลิเคชันไทยชนะจึงยังมีความสำคัญ และนายกฯเน้นย้ำให้ใช้ อีกทั้งวันนี้โทรศัพท์ระบบปฏิบัติการไอโอเอส สามารถดาวน์โหลดแอปฯดังกล่าวแล้วได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนอยากฝากวันนี้ คือ มาตรการควบคุมหลัก คือ อยู่ห่างไว้ ใส่มาสก์กัน หมั่นล้างมือ ถือหลักรักสะอาด ปราศจากแออัด และที่เพิ่มเข้ามาคือจัดไปไทยชนะ