“พุทธิพงษ์” บอกไม่ใช่เจ้าของชีวิต ส.ส.กทม. ยันให้เกียรติหากจะย้ายก๊วน เปรยอาจมานั่งคิดเสียใจทีหลัง เพราะเป็นคนชวนมาเองเกือบทุกคน เชื่อจับกลุ่มต่อรองตำแหน่งกับ “บิ๊กตู่” ไม่ได้
วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และในฐานะรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (กก.บห.) กล่าวถึงปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ขณะนี้มีการตั้งข้อสังเกตถึงความไม่เป็นเอกภาพหลังกลุ่ม ส.ส. กทม. ไปลงพื้นที่กับกลุ่มของ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร ยืนยันว่า ยังทำงานร่วมกัน และยังประชุมสภาผู้แทนราษฎรร่วมกันอยู่ ส่วนการลงพื้นที่ก็เป็นนโยบายที่เราสนับสนุน ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ส่งให้ ส.ส.ทุกเขตใน กทม.อยู่แล้ว ส่วนใครจะชวนใครลงพื้นที่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเป็นหน้าที่ ส.ส.ที่ต้องลงพื้นที่ดูแลความเดือดร้อนของประชาชน
เมื่อถามว่า มีการมองว่า ภาพ ส.ส.กทม. แตกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่อยู่กับนายพุทธิพงษ์ มี 7 คน และกลุ่มที่อยู่กับ น.ส.วทันยา มี 5 คน นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ก็ยังไม่มีต้องดูยาวๆ ทุกอย่างเป็นไปได้ เชื่อว่า เมื่อมีการเลือก กก.บห. เสร็จ ผู้บริหารใหม่ที่เข้าไปก็ทำให้ทุกอย่างมีเอกภาพมากขึ้น และหลายข่าวในอดีตที่ผ่านมาก็อาจเป็นการคิดไปเองว่าการทำแบบนี้จะได้มาซึ่งแบบนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะเข้าใจในพลังประชารัฐที่มีแนวคิดจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบริหาร คือ เรื่องสาระสำคัญของการทำงานของพรรค ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมา 1 ปี สถานการณ์ของพรรคในเรื่องการทำงานยังมีหลายอย่างที่ต้องทำแต่ยังไม่ได้ทำ ซึ่งไม่ได้เป็นความผิดของใครต่างคนก็ต่างมีภารกิจ อีกเรื่อง กก.บห. ชุดแรกเริ่มมีตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมาและเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง แต่ปัจจุบันเรามีส.ส.ร้อยกว่าคน รวมทั้งมีสาขาและสมาชิกอีกจำนวนมาก จึงควรมีองค์ประกอบของ ส.ส.ในแต่ละภาคเข้ามาเป็น กก.บห. เพื่อมีส่วนร่วมสะท้อนปัญหาของประชาชน จึงถึงเวลาที่จะปรับเปลี่ยน
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่ากลุ่ม กทม. ไม่ได้แตกเป็น 2 ส่วน นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า “ถ้าความสัมพันธ์ส่วนตัวคิดว่ายังดีอยู่ เพียงแต่เราไม่ปิดกั้นความคิดใครว่าจะต้องสนับสนุนใครและหากมี กก.บห.พรรค จะสนับสนุนใคร
ส่วนตัวผมก็ไม่เคยไปคุยกับน้องๆ ว่า ต้องเลือกใครหรือสนับสนุนใคร เพราะเป็น ส.ส.กันแล้ว แต่ละคนมีความคิดเป็นของตัวเอง ผมไม่เคยปิดกั้นใคร มันก็เลยเป็นสถานการณ์มาจนถึงวันนี้ เราไม่ใช่เจ้าของชีวิตเขา ไม่ใช่เจ้าของความคิดเขา อาจดูว่าเหมือนเราไม่ได้พูดคุยกัน แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวผมว่ายังดีอยู่ ไม่ได้มีอะไรมาก และเท่าที่ดูจากสื่อก็ไม่มีเรื่องการต่อรอง ผมยังไม่เห็นอะไรเหล่านั้น”
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าจะมีการชวน ส.ส.กทม. ออกไปตั้งกลุ่มเพื่อต่อรองทางการเมือง นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจเรื่องการไปตั้งกลุ่ม เพราะตนไม่ได้ทำ แต่ไม่เชื่อเรื่องการต่อรองตำแหน่ง ถ้าจะมีการเปลี่ยนหรือปรับต่างๆ ก็ไม่เชื่อว่านายกรัฐมนตรี จะใช้เหตุผลโดยการไปดูเรื่องการจับกลุ่มในพรรคของเราเอง มันไม่ใช่ระบบและวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งระบบนี้อาจใช้ได้ในช่วงก่อนเลือกตั้ง ว่ามีใครสนับสนุนผู้สมัครคนไหน เพื่อช่วยให้ได้เป็น ส.ส. แต่หลังมีการเลือกตั้งมานานแล้วมารวบรวม ส.ส.ในพรรคตัวเองเพื่อเป็นพลังในการต่อรองตำแหน่งนั้น ดังนั้น ตนจึงไม่คิดว่าระบบนี้จะเกิดขึ้น เพราะถ้ามีคงเป็นปัญหากันใหญ่ เพราะทุกคนคงไปรวบรวม ส.ส.ขึ้นมาต่อรอง จึงไม่คิดว่าระบบนี้เป็นระบบที่นายกฯจะใช้ ซึ่งตนไม่ทราบเป็นเรื่องของนายกฯ แต่คิดว่าถ้าใช้ระบบนี้จะยุ่งกันไปใหญ่ทุกภาคและทุกโซน
เมื่อถามว่ารู้สึกน้อยใจหรือไม่ ที่ได้ช่วยสนับสนุนมาตั้งแต่ต้น แต่ตอนนี้กลับจะย้ายกลุ่ม นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยอมรับว่าตนเป็นทาบทามและคนชวน ส.ส.และผู้สมัคร กทม.เกือบทุกคนมาเอง โดยดูจากคุณสมบัติของแต่ละคน แต่ตนไม่สามารถไปเป็นเจ้าของความคิดและความเห็นของใครได้
“วันหนึ่งหากใครคิดจะไปไหน ก็ต้องให้เกียรติและสิทธิ์ แต่ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรส่วนตัวไม่ได้เสียใจอะไร และคิดว่า เขาเป็นบุคลากรที่ดีและมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ถ้าวันหนึ่งผมนั่งคิดได้ก็อาจเสียใจด้วยตัวเองว่า เราเลือกมาเองและสนับสนุนเขาไปถึงฝั่งแล้ว ก็เป็นสิ่งที่เขาจะดำเนินการได้ตามความคิดของเขา ส่วนผมก็มีความคิดของผมเอง” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ยังไม่เสียใจต้องรอคิดได้ก่อนใช่หรือไม่ นายพุทธิพงษ์ ไม่ได้ตอบแต่หันมายิ้มให้ผู้สื่อข่าว