รองโฆษก พปชร.ย้อน “ธนาธร” บิดเบือน ย้ำรัฐดำเนินการเต็มที่กรณี “วันเฉลิม” แต่เจ้าตัวไม่แสดงตน ไล่ทำความเข้าใจไม่แทรกแซงประเทศอื่น ฉะลักปิดลักเปิดทางความคิด หลงสิทธิที่พึงมีจนลืมหน้าที่ที่พึงกระทำ ข้องใจหวังผลการเมือง
วันนี้ (11 มิ.ย.) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาว่ารัฐไม่ติดตามความคืบหน้าคดีของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธ์ จากกัมพูชา ว่าการแสดงความคิดเห็นของนายธนาธรน่าจะบิดเบือนทำให้ประชาชนมองเห็นว่านายธนาธรน่าจะหลงผิด เพราะข้อเท็จจริงคือรัฐบาลไทยได้ดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย สิทธิและหน้าที่ และอำนาจอธิปไตยของรัฐอย่างเต็มที่ในการดูแลคุ้มครองพลเมืองของไทย แต่ที่ผ่านมานายวันเฉลิมไม่ได้แสดงตนต่อสถานทูต ไม่มีสถานะลี้ภัย และไม่มีชื่อนายวันเฉลิมอยู่ในบัญชีผู้ลี้ภัยทางการเมืองของยูเอ็นเอชซีอาร์ จึงเป็นเรื่องยากในการติดตามเมื่อเกิดปัญหาขึ้น และในขณะเดียวกัน รัฐไทยก็ต้องดำเนินการโดยเคารพหลักอำนาจอธิปไตยของประเทศกัมพูชาเช่นกัน ซึ่งต้องให้เวลากัมพูชาในการดำเนินการติดตาม ดังนั้น หากผลการดำเนินงานของรัฐบาลไทยไม่ทันใจนายธนาธร ก็ขอให้นายธนาธรทำความเข้าใจเรื่องหลักอำนาจอธิปไตยของแต่ละรัฐ รวมถึงหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น (The principle of non-interference) ก่อนที่จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์แบบไม่คำนึงถึงหลักการทางกฎหมาย
“แสดงให้เห็นว่านายธนาธรน่าจะมีความลักปิดลักเปิดทางความคิด ไม่สนใจกรอบกฎหมาย หลงผิดในความหมายของ “สิทธิที่พึงมี” จนหลงลืม “หน้าที่ที่พึงกระทำ” จึงทำให้สับสนทางความคิดและข้อเท็จจริงและนำเสนอสิ่งที่บิดเบือนออกมาสู่สาธารณชน” น.ส.ทิพานันกล่าว
รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า สังคมยังสงสัยว่านายธนาธรอาจนำเรื่องการหายตัวไปของนายวันเฉลิมมาหาประโยชน์ทางการเมืองเพื่อตนเอง สร้างกระแสให้เกิดความเข้าใจผิดและไม่พอใจต่อรัฐบาล ขณะที่การนำเสนอข้อมูลบางอย่างรวมถึงการแสดงความคิดเห็นที่บิดเบือนอาจทำให้นายธนาธร เข้าข่ายผิดมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 ดังนั้นจึงขอเสนอแนะให้นายธนาธรหมั่นทบทวนตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นออกมาสู่สาธารณชน