ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“สันติ พร้อมพัฒน์” ฟัด “แฮงค์-อนุชา” ก๊ก “สองมิตร” จองตำแหน่งเลขาฯ พปชร. “ไพบูลย์” ฝันหวานรอส้มหล่นหัวหน้าพรรค
ว่าด้วยความเคลื่อนไหวในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นาทีนี้ยังฝุ่นตลบอบอวลไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของก๊กเหล่าต่างๆ โดยเฉพาะฝ่ายที่รวมหัวกันก่อการล้มอำนาจบริหาร หลังการลาออกของกรรมการบริหารพรรค 18 คน เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
แว่วว่า มิตรที่จับมือกันร่วมรบตอนนี้กำลังเปิดศึกเพื่อชิงตำแหน่งสำคัญของพรรค โดยเฉพาะ เลขาธิการพรรค ซึ่งเปรียบได้เป็น “แม่บ้าน” คอยดูแลพรรค และจัดว่าเป็นตำแหน่งที่มีบารมีไม่น้อย ทั้งต่อ ส.ส.และการันตีตำแหน่งรัฐมนตรี หาก “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะปรับ ครม.
ฟังว่า ตำแหน่งนี้มีเสือเฒ่า “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง คนปัจจุบันแห่งก๊กมะขามหวาน-เพชรบูรณ์ หมายปอง แต่ก็ต้องตีกับ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ที่ออกตัวแรงกับศึกล้มล้างอำนาจภายในพรรคมาตั้งแต่ต้น เพราะเคยคั่วตำแหน่งรัฐมนตรี ตั้งแต่รอบแรกแต่ก็วืดมา ก็หมายมั่นปั้นมืออยากจะได้ตำแหน่งเลขาฯ พรรคเช่นกัน
“อนุชา” นั้นเที่ยวนี้พกความมั่นใจมาเต็มพิกัด เพราะได้ “2 ส.” แห่ง “สองมิตร” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม หนุนหลังเต็มที่ ขณะที่ “สันติ” ได้เก๋า กลุ่ม ส.ส.นักเลือกตั้งที่ลากจูงกันมากำลังพยายามล็อบบี้เสียงในพรรคสู้เต็มพิกัดเช่นกัน
ศึกงัดข้อระหว่าง “สันติ” vs “แฮงค์” นอกจากเดิมพันเก้าอี้ รมว.อย่างน้อยๆ กระทรวงเกรดเอ ให้สมกับบารมีเลขาธิการพรรคจึงยอมกันไม่ได้แน่งานนี้
ส่วนหัวหน้าพรรคก็ว่ากันแบเบอร์ เพราะทุกเสียงสนับสนุน “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ ประธานยุทธศาสตร์พรรค แต่ถ้าลุงไม่มาตามนัด หรือไม่พร้อม ตามที่ลุงให้สัมภาษณ์สื่อไปเมื่อวันก่อน คำถามเกิดขึ้นว่า ใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค ?
แว่วว่า “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ซึ่งถูกดันมาเป็นหนังหน้าไฟให้กลุ่มก่อการ ทำหน้าที่เร่งวันเร่งคืน ให้รักษาการหัวหน้าพรรค “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง ปิดจ๊อบเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ กำลังมโนฝันหวานวิบวับ รอตะครุบส้มหล่นจากลุง อยู่ไม่ให้คลาดสายตา
ฟังว่า “ไพบูลย์” คำนวณแล้วงานนี้มีแต่ได้ ไม่มีเสีย เพราะหากลุงไม่มานั่งหัวหน้าพรรค บรรดากลุ่มก่อการแกนนำหลักๆ อย่าง “วิรัช รัตนเศรษฐ” “เฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น และ “แฮงค์” อนุชา นาคาศัย ก็ยังเตรียมปูทางสวยๆ ให้ลุงเดินบนพรมแดงอย่างสง่าผ่าเผยใน ครม.ใหม่ไว้แล้ว โดยยุยงป้อยอว่า ลุงนั้นเหมาะสมกับรองนายกฯ ควบ มท.1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มากถึงมากที่สุด !!
แล้วถ้าหากเป็นไปตามแรงยุยงของ “วิรัช-เฮ้ง-แฮงค์” ก็น่าคิดต่อว่า “ลุงตู่” จะจัดวาง “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ครองตำแหน่ง มท.1 มายาวนาน โดยเป็นแบ็กให้ พี่น้อง 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ มาตลอดไว้ที่ตรงไหน ?
งานนี้บ่างช่างยุก็ช่างหาแต่เรื่องให้ลุงตู่ปวดหัวจริงๆ
สุดท้ายแล้วศึกในพรรค พปชร.นี้ จะไปจบลงที่ตรงไหน โปรดติดตามกันต่อไป.
**ประชาธิปัตย์ยึด “พลังประชารัฐโมเดล” ล่าชื่อกรรมการบริหารพรรคให้ลาออก หวังปลด “จุรินทร์” พ้นหัวหน้าพรรค
กรณีกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคพลังประชารัฐลาออกเกินกึ่งหนึ่ง ส่งผลให้ “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค ตลอดจนกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันสิ้นสภาพไป ต้องมีการเลือกตั้ง กก.บห.พรรคชุดใหม่ ได้กลายเป็นต้นแบบให้พรรคประชาธิปัตย์ เดินตามรอยบ้าง
ก่อนอื่นต้องย้อนทวนไปถึงช่วงที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เนื่องจากทำผลงานการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้ตัองมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และ กก.บห.พรรคชุดใหม่
ในครั้งนั้น มีผู้เสนอตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค 4 คน คือ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รักษาการหัวหน้าพรรค “กรณ์ จาติกวณิช” รักษาการรองหัวหน้าพรรค “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” อดีตผู้ว่าฯ กทม. และ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” อดีต รมว.ยุติธรรม...สมาชิกพรรคมีการแบ่งกลุ่มแบ่งฝ่าย ล็อบบี้กันดุเดือด สุดท้ายผลปรากฏว่า “จุรินทร์” ได้เป็นหัวหน้าพรรค
หลัง “จุรินทร์” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคไม่นาน ก็เกิดปรากฏการณ์ “สมองไหล เลือดไหล” คือ มี ส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิกพรรค ทยอยลาออก อาทิ กรณ์ จาติกวณิชย์ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ... ทำให้ “อันวาร์ สาและ” รองเลขาธิการพรรค พร้อม ส.ส.อีก 9 คน ร่วมลงชื่อเรียกร้องให้หัวหน้าพรรค เปิดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อระดมสมองแก้ปัญหาภายในพรรค ซึ่งก็ได้มีการเตรียมจัดประชุมใหญ่กันในวันที่ 29 มี.ค. แต่ต้องมาสะดุดเพราะโควิด-19 ระบาด
ล่าสุด มีการเคลื่อนไหวกันอีกครั้ง คราวนี้ข่าวว่ามีการล็อบบี้ กก.บห. ให้ลาออกเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อให้ “จุรินทร์” และ กก.บห.พรรคชุดนี้ สิ้นสภาพไปทั้งคณะ เพราะเห็นว่า “จุรินทร์” บริหารพรรคในลักษณะรวมศูนย์ ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับ ส.ส.ในพรรค จนลูกพรรคส่วนใหญ่คุยลับหลังว่า เขาเหมาะกับการเป็นรัฐมนตรี แต่ไม่เหมาะเป็นหัวหน้าพรรค เพราะสนใจแต่งานในกระทรวงของตัวเอง ไม่สนใจพรรค โดยเฉพาะใครที่ไม่ใช่พวก ก็จะไม่ได้รับการเหลียวแล !!
แถมมีการยกตัวอย่างว่า ในช่วงโควิด-19 ระบาด “จุรินทร์” นำข้าวสาร 25 ตัน ไปแจกให้ อบต.ทุกแห่งในพื้นที่ จ.พังงา ซึ่งเป็นพื้นที่เลือกตั้งของตัวเองเพียงจังหวัดเดียว แทนที่จะแบ่งไปแจกให้ทั่ว 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งต่างจากยุค “อภิสิทธิ์” ที่ส่งถุงยังชีพแบ่งให้ลูกพรรคทุกเขตเลือกตั้ง ให้ไปแจกจ่ายประชาชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ แบ่งเขา แบ่งเรา
แน่นอนว่า หากแผนนี้สำเร็จ คนที่ได้รับการหมายตาว่าจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน “จุรินทร์” ก็คงหนีไม่พ้น “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่แม้จะลาออกจาก ส.ส.แล้ว แต่ยังเป็นสมาชิกพรรค และยังมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอยู่
ตามโครงสร้างพรรคประชาธิปัตย์ มี กก.บห.พรรค 39 คน การจะล็อบบี้ให้ลาออกเกินกึ่งหนึ่ง คือ อย่างน้อย 20 คนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะขณะนี้ประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หากมีการเปลี่ยนแปลงชนิด “แผ่นดินถล่ม” อาจจะมีปัญหาลุกลามไปถึงการร่วมรัฐบาลได้ ซึ่งคนประชาธิปัตย์คงไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพ “อดอยากปากแห้ง” อีก
อย่างไรก็ตาม แม้การเคลื่อนไหวล่าชื่อ กก.บห.พรรค ให้ลาออกเกินกึ่งหนึ่งเพื่อปลด “จุรินทร์” จะไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็สร้างแรงกระเพื่อมภายในพรรค และเป็นการส่งสัญญาณเพื่อหวังต่อรอง “ตำแหน่งรัฐมนตรี” หากมีการปรับ ครม.ในอนาคต ...รวมทั้งการเกลี่ยงบฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด 4 แสนล้าน ให้ “กระจาย” ไปยังส.ส.อย่างทั่วถึง ไม่ใช่ “กระจุก” อยู่แต่ในกลุ่มพวกของ “จุรินทร์”
ขึ้นชื่อว่าประชาธิปัตย์...การสร้างเงื่อนไขเพื่อต่อรองทางการเมืองมันอยู่ในกระแสเลือดอยู่แล้ว !!
**อาลัย “ตั้ว” ศรัณยู วงษ์กระจ่าง พระเอกยอดนิยมมากฝีมือ-ศิลปินนักสู้ ทั้งในและนอกจอตลอดกาล
นับเป็นข่าวช็อกของคนในวงการและผู้ที่รักใคร่ “ตั้ว” ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ที่รู้ว่า พระเอก ผู้กำกับ พิธีกรที่มากฝีมือได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งของวงการบันเทิงตลอดหลายสิบปีที่ผ่านจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ตั้ว ศรัณยู” หรือ นรัณยู วงษ์กระจ่าง เกิดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2503 ที่ ต.กระดังงา อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เป็นน้องชายของ “ธเนศ วรากุลนุเคราะห์” ศิลปินชื่อดังคนหนึ่งของวงการ โดยมีพี่น้อง 4 คน แต่ใช้คนละนามสกุล เนื่องจากวัยเด็ก “ตั้ว ศรัณยู” ถูกป้าขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม จึงใช้นามสกุลของป้า
“ตั้ว ศรัณยู” จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจาก ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่นที่ 92 จบการปริญญาตรี จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วงเรียนที่จุฬาฯ ได้รับบทนักแสดงนำในละครเวที ทั้งในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และคณะอักษรศาสตร์ นำไปสู่อาชีพการเป็นนักแสดงในเวลาต่อมา
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง ในปี 2524 โดยมีผลงานถ่ายแบบกับนิตยสารดิฉัน และมีงานเดินแบบ จากนั้นเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ และเริ่มมีผลงานละคร โดยเรื่องแรกในชีวิตคือเรื่อง “เลือดขัตติยา” ในปี 2526
ผลงานละครที่มี “ตั้ว ศรัณยู” นำแสดงมักได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จอย่างสูง หลายๆ เรื่องยังอยู่ในความทรงจำของผู้ชมจนถึงทุกวันนี้ เช่น เก้าอี้ขาวในห้องแดง มนต์รักลูกทุ่ง บ้านทรายทอง เจ้าสาวของอานนท์ น้ำเซาะทราย ทวิภพ ด้วยแรงอธิษฐาน มัสยา โดมทอง ปลายฝนต้นหนาว เรือนแพ วนาลี ไฟโชนแสง ตะวันยอแสง นายฮ้อยทมิฬ
ขณะที่ ละครเวทีก็โด่งดังเป็นที่พูดถึงหลายเรื่องไม่แพ้กัน หลังจากสั่งสมประสบการณ์ “ตั้ว ศรัณยู” ได้เริ่มบทบาทเป็นผู้กำกับการแสดงและเขียนบทโทรทัศน์ เช่น “น้ำพุ” “หลังคาแดง” ทางช่อง 7 เป็นต้น
แม้จะทำงานเบื้องหลังแต่ด้วยจิตวิญญาณของศิลปินมืออาชีพ ตั้ว ก็คงยังรับงานละคร และละครเวทีอย่างต่อเนื่อง
ผลงานกำกับละครเรื่องล่าสุดของ ตั้ว ศรัณยู คือเรื่อง “ปาฏิหาริย์กาลเวลา” ทางช่องพีพีทีวี แต่ถ่ายทำไม่แล้วเสร็จ เพราะติดปัญหาไวรัสโควิด-19 ระบาด เรียกได้ว่า ตลอดชีวิตนักแสดงและการทำงานเบื้องหลังของ “ตั้ว ศรัณยู” ได้ฝากผลงานไว้มากมาย
ขณะที่ชีวิตส่วนตัวจัดว่าเป็นดาราแบบอย่างที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่น่ารัก และอบอุ่น กับภรรยา “เปิ้ล” หัทยา วงษ์กระจ่าง พร้อบบุตรสาวสองคน “ลูกหนุน” ศุภรา และ “ลูกหนัง” ศีตลา
ขณะเดียวกัน ผู้ที่รู้จัก “ตั้ว ศรัณยู” เป็นอย่างดีจะให้ความเคารพและนับถือความเป็นนักสู้ของศิลปินผู้นี้ เพราะเพื่อความถูกต้องของสังคมแล้ว “ตั้ว ศรัณยู” คือ ดาราศิลปินที่ยืนหยัด เคลื่อนไหวเคียงข้างภาคประชาชนเสมอ และได้ชื่อว่าป็นผู้ที่มีความตั้งมั่นใน ชาติ ศาสน์ กษัตรย์ อย่างแรงกล้า
การเสียชีวิตของ “ตั้ว ศรัณยู” จึงถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งของวงการบันเทิง
“ข่าวปนคน คนปนข่าว” ขอร่วมอาลัยและแสดงความเสียใจต่อครอบครัว วงษ์กระจ่าง มา ณ ที่นี้ด้วย