xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ถก กมธ.โอนงบ อ้างทหารแทรกแซงเรียกเก็บเอกสาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประชุม กมธ.ร่าง พ.ร.บ.โอนงบฯ (แฟ้มภาพ)
วุ่นตั้งแต่หัวม้วน ฝ่ายค้านแห่วอล์กเอาต์ถก กมธ.โอนงบ พร้อมแถลงแฉทหารเข้าแทรกแซงเรียกเก็บเอกสาร มุบมิบข้อมูลการโอนงบ 8 หมื่นล้าน จี้นายกฯ มาชี้แจงเอง อัดทุ่มแต่แก้ภัยแล้ง เอื้อประโยชน์กลุ่มหนึ่ง

วันนี้ (9 มิ.ย.) ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย จากส่วนราชการกลับเข้าสู่งบกลางเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ปรากฏว่าฝ่ายกรรมาธิการจากซีกพรรคฝ่ายค้านได้วอล์กเอาต์ออกจากที่ประชุม มาแถลงเปิดเผยถึงปัญหาและอุปสรรคการทำงานของคณะกรรมาธิการที่ไม่สามารถพิจารณาปรับลดงบประมาณในวงเงิน 88,000 ล้านบาทได้

โดยนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รองประธานกรรมาธิการตั้งข้อสังเกตว่า การพิจารณาปรับลกงบประมาณรายจ่ายจากหน่วยงานต่างๆ ครั้งนี้มีการตัดงบหลายโครงการที่มีความจำเป็นมาไว้ที่งบกลาง ไม่สามารถนำงบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงินมาทกแทนได้ ประกอบกับงบประมาณที่มีการโอนกลับมาให้รัฐบาลส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้เกี่ยวกับการแก้ปัญหาภัยแล้งซึ่งเป็นผลประโยชน์ของคนเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ทั้งที่ยังมีปัญหาสถานการณ์โควิด-19 และปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่จะต้องเร่งฟื้นฟู ประกอบกับในรายละเอียดงบประมาณก็ไม่ชัดเจน มีเพียงเอกสาร 2 แผ่นที่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ จึงอยากให้รัฐบาลรับฟังความเห็นปรับโอนงบประมาณจากโครงการที่จำเป็น

นายวรวัจน์ยังกล่าวถึงปัญหาในการพิจารณางบประมาณที่มีการโอนกลับจากกระทรวงกลาโหม กว่า 17,000 ล้านบาทว่า ระหว่างการชี้แจงจากผู้แทนจากกระทรวงกลาโหม มีให้เอกสารที่หัวเอกสารระบุว่าเป็นเอกสารลับ และระหว่างที่พิจารณาไม่นานก็มีนายทหารมาเดินเก็บเอกสารกลับคืนทั้งหมด จึงเป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ เพราะข้อมูลเหล่านี้มีความจำเป็นและไม่น่าจะอยู่ในชั้นความลับ เพราะเป็นงบประมาณที่ถูกปรับโอนไว้ ประกอบกับเป็นสิทธิของกรรมาธิการตามรัฐธรรมนูญที่สามารถเรียกข้อมูลดังกล่าวได้ แต่ประธานกรรมาธิการก็ไม่อนุญาตให้เรียกเอกสารจากกระทรวงกลาโหมอีก ถือเป็นการปิดกั้นการทำหน้าที่อย่างมาก

เช่นเดียวกับ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล หนึ่งในกรรมาธิการ เปิดเผยว่า การพิจารณางบของกระทรวงกลาโหมไม่มีรายละเอียดเปิดเผยที่ชัดเจน รู้สึกเป็นงบประมาณที่ไม่สามารถแตะต้องได้ มีการอ้างว่าเป็นชั้นความลับมาก ต้องเซ็นลายมือชื่อทุกครั้งที่รับ และทุกเก็บเอกสารคืนในระยะเวลาที่รวดเร็ว ทำให้ไม่สามารารถพิจารณาได้ครบถ้วน รวมถึงข้อมูลการโอนงบประมาณส่วนอื่นๆก็ไม่มีการระบุรายละเอียดที่ชัดเจนเช่นกัน ทำให้ต้องมีหนังสือถึงประธานกรรมาธิการเพื่อขอเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มาชี้แจงรายรายละเอียดด้วยตัวเองแทน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากประธานกรรมาธิการ

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การให้เจ้าหน้าที่ทหารชั้นผู้น้อยมาเรียกเก็บเอกสารกลางที่ประชุมเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยวิธีปฏิบัติ จึงฝากติงถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงกลาโหมว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะการพิจารณากรรมาธิการจะต้องเขียนรายงานข้อสังเกตจำเป็นต้องมีเอกสารรายละเอียดมาประกอบการพิจารณา เพื่อดูว่าเหตุใดหน่วยรับงบประมาณยอมตัดงบประมาณคืนกลับมาที่งบกลาง ทั้งที่งบประมาณบางส่วนก็มีความจำเป็น โดยเฉพาะงบด้านบุคลากรทางการแพทย์ งบประมาณด้านสาธารณสุข จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีมาชี้แจงต่อกรรมาธิการ ในฐานะผู้ที่จะนำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้ แต่ในกรรมาธิการพยายามบ่ายเบี่ยงอ้างว่าการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณปกติจะไม่มีการเชิญคณะรัฐมนตรีมาชี้แจง ทั้งที่กฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่กฎหมายปกติ และเพิ่งมีการตั้งคระกรรมาธิการเป็นฉบับแรก เพราะ พ.ร.บ.โอนงบประมาณ 4 ฉบับที่ผ่านมา ผ่านการลงมติโดย สนช.ในยุคเผด็จการจึงไม่มีการตั้งกรรมาธิการ

นายเรืองไกรย้ำว่า จากปัญหาทั้งหมดจึงเป็นอุปสรรคที่ทำให้คณะกรรมาธิการไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นต้องรอว่า กระทรวงกลาโหมจะมีการส่งเอกสารมาให้กรรมาธิการอีกครั้งหรือไม่ หรือนายกรัฐมนตรีจะมาชี้แจงด้วยตัวเองได้หรือไม่ เบื้องต้นได้หารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ข้อสรุปว่ายังไม่มีการบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาลงมติในวาระ 2 และ 3 ในสัปดาห์นี้ได้ เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิดเกินไปและยังไม่มีความชัดเจนหลายเรื่อง แต่ก็ไม่อยากให้เกินสัปดาห์หน้าเพราะเป็นงบประมาณที่มีความจำเป็น

ส่วนปัญหาที่ไม่สามารถปรับลดประมาณในวงเงิน 8.8 หมื่นล้านบาทได้ เพราะอาจขัดต่อหลักการของกฎหมายนั้น นายเรืองไกรกล่าวว่า เมื่อมีการสงวนความเห็นการแปรญัตติแล้วก็จะไปอภิปรายความเห็นต่อในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น