ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ลับลวงพราง เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว “ธรรมนัส” เคารพ “ลุงป้อม” อยู่ในโอวาท “ลุงตู่” และร่วมเป็นร่วมตายกับ “สี่กุมาร”
จากศึกภายในพรรคพลังประชารัฐ หลังการเปลี่ยนแปลงพรรคด้วยการลาออกของกรรมการบริหาร 18 คน ที่ว่ากันว่า เพื่อเปิดทางให้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมกับหมากข้ามช็อตเข้าฮอร์สไปถึงการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลในตำแหนงรัฐมนตรี หาก “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะปรับ ครม.นั้น
งานนี้ มีปริศนาเกิดเป็นคำถามสงสัยวา ความเคลื่อนไหวของ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ผู้ซึ่งวันก่อนเพิ่งจัด ส.ส.ในกลุ่มร่วมกับกลุ่มของ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” หนุน “อุตตม สาวนายน” เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป “วัดกำลัง” กับฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงพรรค แต่แค่วันต่อมากลับปรากฏชื่อ “ธรรมนัส” เป็น 1 ใน 18 กรรมการบริหารพรรค ที่ลาออก คล้ายกลับพลิกขั้วสลับข้างโดยพลัน เล่นเอางงกันไปตามๆ กัน
ระหว่างที่ยังงงๆ ช่วงค่ำของเมื่อวันก่อนก็ปรากฏกระแสข่าวว่า “ธรรมนัส” จะแถลงข่าวเรื่องการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคของตัวเอง ฟังว่าสุดท้ายก็ไม่ได้แถลง แว่วว่าได้รับการขอร้องจากผู้ใหญ่ที่ “ธรรมนัส” เกรงใจ
ปริศนาของการลาออกและย้ายฝั่งของ “ธรรมนัส” จึงคาดเดากันไปต่างๆ นานา จนเมื่อมีการไล่เรียงชื่อกรรมการบริหารที่ลาออก เช็กว่าใครเป็นใคร ฝ่ายไหนอย่างไร เพื่อจะหาคำตอบ... “ธรรมนัส” คิดยังไงกันแน่!!
เมื่อเช็กจากรายชื่อกรรมการบริหารพรรค 18 คน พบว่า ยังมีกรมการบริหารพรรค 2 คน “นิพันธ์ ศิริธร” และ “สุพล ฟองงาม” นั้นพยายามที่จะไม่เข้ามาอยู่ในกลางวงศึกนี้ แต่ท้ายสุดก็มีรายชื่อออกมาจนได้
ว่ากันว่า ในส่วนของ “นิพันธ์” นั้น เมื่อโดนผู้มากบารมีจี้ให้เซ็นชื่อก็ขัดไม่ได้ ยอมเซ็น แต่ขอให้ “พล.อ.สุชาติ หนองบัว” คนสนิทของลุงตู่เก็บไว้
เมื่อข้าวสารเป็นข้าวสุก แม้แต่ “นิพันธ์” เองยังงงว่า เอกสารตัวเองไปตกอยู่ในมืออีกฝั่งได้อย่างไร แต่เมื่อเช็กกลับไป จึงได้ข่าวว่า “ธรรมนัส” นั่นเองที่เป็นคนรับปาก “พล.อ.สุชาติ” คนสนิทลุงตู่ว่า ตนจะเอาเอกสารไปดูแลเอง เพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่ต้องหมางใจกัน เพราะตนมีภูมิคุ้มกันสูง ถ้าเช่นนั้นการที่เอกสารของ “นิพันธ์” ไปอยู่กับอีกฝั่งนั้นได้ นั่นย่อมหมายถึงว่า “ธรรมนัส” ย่อมถูกบีบจนตัวเองไม่มีทางเลือก
ซึ่งก็น่าเห็นใจเช่นกัน เพราะหลังจากที่ยึดอำนาจพรรคครั้งแรกไม่สำเร็จ กลุ่ม ส.ส. และ รมต wanna be ก็ยุยง “ลุงใหญ่ผู้มากบารมี” ให้เรียกกรรมการบริหารพรรคทุกคนเซ็นใบลาออกที่บ้านเดี่ยวๆ เรียงคน แม้ “ธรรมนัส” จะมีกำลังในมือเยอะ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธการเรียกตัวไปเป่ากระหม่อมของผู้มากบารมีได้ ซึ่งต่างจาก “สี่กุมาร” ที่สามารถแข็งข้อได้ เพราะเป็นคนของ “สมคิด” อย่างเต็มตัว
คาดว่า คงจะมีการเคลียร์ใจ รับประกันตำแหน่งของ “ธรรมนัส” ที่เคยมีข่าวว่าถูกผู้มากบารมีกระซิบข้างหูให้สละตำแหน่ง จากผลพวงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้ว
ส่วนกรณีของ “สุพล” แรกเริ่มมีข่าวว่าไม่เอาด้วยกับแนวทางนี้อย่างชัดเจนนั้น แต่เมื่อโดนเรียกตัวไปโดยที่มิอาจปฏิเสธได้ ก็คงเป็นผู้กองที่อาสาพาไปเป็นเพื่อนให้อุ่นใจ ... แต่อย่างว่าเมื่อคนมือเปล่าเดินเข้า “ถ้ำเสือ” แล้วจะเหลืออะไร นอกจากจะไม่ได้ลูกเสือแล้วยังโดนเสือจับกืนอีกต่างหาก!!
เรื่องนี้น่าจะทำให้ “ธรรมนัส” กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็ยังแสดงสปิริตโชว์พลังนำ ส.ส.ร่วมกับ “สนธิรัตน์” ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค และเลขาฯพรรคในยามนี้
เมื่อข้าวสารเป็นข้าวสุก “ธรรมนัส” จึงมีความพยายามที่จะแสดงจุดยืนที่ไม่ถูกขืนใจออกมา โดยมีการเตรียมตัวจะแถลงข่าว แต่ก็ถูก “เสธ เก๋” พล.ต.ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงษ์ คนสนิทลุงตู่ ส่งสารมาว่าขอร้องให้อยู่เฉยๆ เพราะ “ลุงตู่” ไม่ต้องการให้เรื่องในพรรคบานปลายไปกว่านี้ ไหนๆ เหตุการณ์ก็มาไกลถึงขั้นนี้แล้ว
มองในมุม “ลุงตู่” ถ้า “ธรรมนัส” แถลงสวน สิ่งที่ตามมาคือ พรรคพลังชารัฐ ที่กลายเป็นพลังประชาเละ ไปแล้วจะยิ่งกลายสภาพเป็นเละยิ่งกว่าโจ๊ก และจะทำให้ “สองลุง” มองหน้ากันไม่ติด เพราะในอดีตขอกันมากกว่านี้ ก็ยังได้สำหรับพี่น้องกัน
ดังนั้น พี่อยากได้ก็เอาไป แต่น้องไม่ขอปรับ ครม.
ขอให้เรื่องจบแค่นี้ จึงเป็นใจความเดียวกับที่ผู้กองออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เซ็นเพราะจะได้ยุติปัญหาภายในพรรค และขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานสู้วิกฤตกันต่อ โทนเดียวกับที่ “ลุงตู่” ย้ำในการให้สัมภาษณ์เป๊ะ
สรุปว่าเป็นทั้งเด็กที่เคารพ “ลุงป้อม” เชื่อฟัง “ลุงตู่” และทำเต็มที่ให้กับสหายร่วมรบอย่าง “ทีมสี่กุมาร”
แต่จะถูกใจไม่ถูกใจใครขนาดไหน หรือใครจะคิดอย่างไร อันนี้นานาจิตตัง ... เอวังก็ด้วยประการฉะนี้ !!