“พลังธรรมใหม่” ยื่นหนังสือศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ไม่อุทธรณ์คดี “พานทองแท้” ฟอกเงิน เชื่อสังคมยังสงสัยการทำหน้าที่ของอัยการ พร้อมเดินหน้ายื่น ป.ป.ช.ต่อ
วันนี้ (1 มิ.ย.) นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นตัวแทนพรรคพลังธรรมใหม่มายื่นต่อศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ประชาชนและสังคมยังเคลือบแคลงสงสัยถึงการทำหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุง จากการที่ไม่สั่งอุทธรณ์คดีการฟอกเงินของนายพานทองแท้ ชินวัตร ซึ่งในคดีนี้สิ่งที่ประชาชนสงสัยคือเส้นตามกระบวนการยุติธรรมยังสามารถเดินต่อไปได้ตามกระบวนการ คือ การอุทธรณ์ และสิ่งที่สูงสุดคือการฎีกา แต่เมื่อศาลตัดสินยกฟ้อง โดยมีผู้พิพากษา 2 ท่านเป็นองค์คณะ 1 ท่านเห็นควรไม่ผิด แต่อีก 1 ท่านเห็นควรให้นายพานทองแท้ มีความผิด ดังนั้น สิ่งที่อัยการต้องทำคือดำเนินการอุทธรณ์ต่อตามความเห็นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นเจ้าของคดี แต่สุดท้ายแล้วอัยการสูงสุดมีความเห็นไปทางที่สังคมเกิดความสงสัย เกิดความเคลือบแคลงถึงการใช้ดุลพินิจในการทำหน้าที่ว่าอยู่บนรากฐานของความสมเหตุสมผลหรือไม่
นายจาตุรันต์กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้สำนักงานอัยการสูงสุดก็ได้มีการยื่นขยายเวลาการการอุทธรณ์ออกไปจนสุดท้ายเป็นครั้งที่ 6 และสุดท้ายศาลได้อนุญาตให้ขยายเวลาการอุทธรณ์จนถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2563 ซึ่งยังเหลือเวลาอีกหลายวัน ฉะนั้น สิ่งที่พรรคพลังธรรมใหม่ได้มายื่นต่อศาลปกครองสูงสุด คือ ให้พิจารณาเพิกถอนคำสั่งที่ไม่อุทธรณ์ในครั้งนี้ว่าทางอัยการสูงสุดอาจจะได้พิจารณาอย่างไม่สมเหตุสมผล และไม่อยู่บนพื้นฐานของกระบวนการกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าอัยการสูงสุดยังสามารถทบทวนได้แน่นอน ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งในสมัยของอัยการอรรถพล ใหญ่สว่าง ที่เคยตั้งคณะทำงานขึ้นมาทบทวนในกรณีของนายจุลสิงห์ วสันต์สิงห์ อัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในกรณีการก่อการร้าย เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ท่านยังได้มีโอกาสในการทบทวน และสิ่งที่พรรคพลังธรรมใหม่และพี่น้องประชาชนอยากจะตั้งคำถามก็คือว่าท่านยังมีเวลาทบทวนอีกหลายวัน 1 เดือนที่ศาลขยายเวลาการยื่นอุทธรณ์ให้เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ท่านจะสามารถดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมอย่างที่สังคมและพี่น้องประชาชนอยากเห็น
“หลักฐานสำคัญที่สุด ผมว่าคงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของความเห็นของดีเอสไอ ซึ่งเป็นหนึ่งเสียงที่เห็นให้สู้ต่อ อีกหนึ่งเสียงคือคำพิพากษาของผู้พิกากษาอีกท่านหนึ่งที่มีความเห็นว่านายพานทองแท้ทำผิด และอีกหนึ่งเสียงสำคัญมากที่สุดผมคิดว่าเป็นอีกหนึ่งเสียงของสังคมและพี่น้องประชาชน เท่ากับว่าตอนนี้ 3:1 เสียง ถ้าจะมองในมุมหลักรัฐศาสตร์ เป็น 3:1 เสียง ที่สำนักงานอัยการสูงสุดควรจะมีความเห็นสั่งอุทธรณ์ในคดีนี้” นายจาตุรันต์กล่าว
นายจาตุรันต์กล่าวต่อว่า การยื่นเรื่องในวันนี้ตอนแรกตั้งใจจะยื่นขอไต่สวนฉุกเฉิน แต่คิดว่าน่าจะให้ศาลได้มีเวลาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และเป็นไปตามกระบวนการ นอกจากนี้ กำลังพิจารณาว่าจะไปยื่น ป.ป.ช.เพิ่มเติม อย่างที่ครั้งหนึ่งตนเคยไปยื่น ป.ป.ช.ในคดีของนายจุลสิงห์ วสันต์สิงห์ ในมาตรา 157 ก็กำลังพิจารณาในข้อกฎหมายอยู่ ว่าผู้ที่ลงนามแทนรองอัยการสูงสุดคนที่ 1 ลงนามโดยชอบธรรมตามกฎหมายหรือไม่ ตอนนี้กำลังหาหลักฐานอยู่ โดยที่ท่านอัยการสูงสุดที่อ้างว่าไปราชการ ไปราชการจริงหรือไม่ กำลังตั้งข้อสงสัยกันอยู่