“ปิยบุตร” เล่นแรงถึง “ระบอบ” ได้เวลากำจัด “ปรสิต” จัดการ “ระบอบคณาธิปไตยกินคน” เชื่อตุลาการภิวัตน์ ช่วย “บิ๊กป้อม” กล่องดวงใจ คสช. กรณี ป.ป.ช. มีความเห็น “ยืมใช้คงรูป” นาฬิกาหรู ไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (30 พ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์หัวข้อ “[ กรณี “ประวิตรยืมใช้คงรูป” เปิดช่องให้ “ซุก” ทรัพย์สินได้ง่ายขึ้น ]”
โดยระบุว่า กรณีสำนักงาน ป.ป.ช. ทำหนังสือ “ด่วนที่สุด” ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 แจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณากรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืมนาฬิกาหรูจาก นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ นั้น เป็นการ “ยืมใช้คงรูป” และไม่ได้เป็น “หนี้สิน” ที่ต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น ทำให้ พล.อ.ประวิตร รอดพ้นจากการถูกตรวจสอบ (อีกเช่นเคย) และทำให้สังคมตั้งคำถามถึงมาตรฐานการทำงานขององค์กรอิสระในประเทศไทย โดยเฉพาะบรรดาคนที่ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระทั้งหลายในเวลานี้ ต่างก็มีจุดเชื่อมโยงที่มาไปถึงคณะรัฐประหาร คสช.
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่ร้ายแรงกว่านั้น ซึ่งไม่ทราบว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เล็งเห็นถึงบ้างหรือไม่ นั่นคือ แนวทางการวินิจฉัยกรณี “ประวิตรยืมใช้คงรูป” นี้ ส่งผลพวงทำลายระบบการตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมืองและข้าราชการ ทำลายระบบบังคับให้นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไปหมดสิ้น
ต่อไป นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงคนใดที่ต้องการ “ซุก” ทรัพย์สิน ก็สามารถ “ยืม” มุก “ยืมใช้คงรูปแบบประวิตร” มาใช้ได้
ทรัพย์สินราคาแพงๆ จำพวกเครื่องประดับ แหวน สร้อยทอง นาฬิกา รถสปอร์ต ฯลฯ ไม่จำเป็นต้องถูกแจ้งในบัญชีอีกต่อไป ขอเพียงหาเพื่อนเศรษฐีสักคนมาแสดงตนเป็นเจ้าของ แล้วอธิบายว่าเครื่องประดับ รถ ข้าวของแพงๆ ที่ใช้อยู่ยืมเขามาทั้งนั้น
ในอดีต นักการเมืองและข้าราชการระดับสูง พยายามหลีกเลี่ยงการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินโดยใช้วิธีเอาชื่อคนอื่นมาใส่ความเป็นเจ้าของ คนใช้บ้าง คนขับรถบ้าง คนสนิทบ้าง
แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็เพียรพยายามตรวจสอบ จนทำให้นักการเมืองและข้าราชการไม่อาจใช้ช่องทางเหล่านี้ได้ง่ายนัก
มาวันนี้ ผลพวงของการพิจารณาของ ป.ป.ช. กรณี “ประวิตรยืมใช้คงรูป” กลับทำให้นักการเมืองและข้าราชการมี “ช่องทาง” ใหม่ในการซุกทรัพย์สิน
เพื่อเซฟ “กล่องดวงใจ” ของระบอบ คสช. เราต้องแลกกับระบบการตรวจสอบการทุจริตที่พยายามสร้างกันมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 อย่างนั้นหรือ?
ตั้งแต่คนกลุ่มนี้ครองอำนาจด้วยรัฐประหารและสืบทอดอำนาจมาจนถึงวันนี้ ประเทศไทยสูญเสียทรัพยากร งบประมาณ ระบบรัฐธรรมนูญ ระบบกฎหมาย ระบบตรวจสอบ ความยุติธรรม สิทธิมนุษยชน ไปมหาศาล เพื่อเอาไปค้ำบัลลังก์ของพวกเขา
พอกันที ประเทศไทยเสียให้พวกเขามากเกินพอแล้ว
อย่าปล่อยให้คนเหล่านี้สูบกินพวกเราต่อไปอีกเลย
พจนานุกรม ให้ความหมายคำว่า “ปรสิต” ไว้ว่า สิ่งมีชีวิตที่อาศัยผู้อื่นหรือเซลล์ชนิดอื่นเป็นที่พักอาศัยและแหล่งอาหาร บางครั้งทำร้ายสิ่งมีชีวิตหรือเซลล์ที่พวกมันใช้ประโยชน์นั้นจนเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต
ได้เวลากำจัด “ปรสิต”
ได้เวลาจัดการ “ระบอบคณาธิปไตยกินคน”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แจ้ง เรื่องการครอบครองนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กับผู้ร้อง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ผู้ร้อง โดยหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 25 พ.ค. 2563 เป็นการแจ้งผลการพิจารณาต่อ นายเรืองไกร ระบุว่า ตามที่ได้ขอให้พิจารณาชี้มูลความผิด พล.อ.ประวิตร ฐานไม่แจ้งทรัพย์สินในมูลค่านาฬิกาหรู ที่ยืมมา
ซึ่ง ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว เห็นว่า นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เจ้าของนาฬิกา ให้ พล.อ.ประวิตร ยืมใช้ในโอกาสต่างๆ และ พล.อ.ประวิตร คืนให้เมื่อใช้เสร็จ การยืมดังกล่าว เป็นการยืมใช้คงรูป และการยืมใช้คงรูปแม้เป็นหนี้ แต่มิใช่หนี้สิน ตามที่ ป.ป.ช. กำหนดให้ต้องแสดงในแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
เพราะตามคำอธิบายการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินท้ายแบบบัญชีรายการหนี้สิน ล้วนหมายถึงหนี้สินที่เป็นเงินตราเท่านั้น มิใช่เป็นการยืมใช้สอยได้เปล่า และมีการคืนทรัพย์ให้แก่ผู้ยืม ดังนั้น พล.อ.ประวิตร จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงการยืมนาฬิกาในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก ชาญวิทย์ เกษตรศิริ Charnvit Kasetsiri ของ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ
อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์ข้อความระบุว่า
“Can Thanathorn+ช่อ / FFP-MFP move forward?
เพราะธนาธร กับพรรคพวก อนาคตใหม่ ก้าวไกล
อยู่ไม่เป็น ไม่ยอบสยบ กับอำนาจเดิม บารมีเดิม
เขาและพรรคพวก จึงถูก “จำกัด” ด้วยรัฐประหารทางศาล “ตุลาการภิวัตน์”
เขา ช่อ ปิยบุตร อนาคตใหม่ - ก้าวไกล ฯลฯ จะก้าวไปสู่อนาคต ได้แค่ไหน หนอ?
หมายเหตุ
FFP = Future Forward Party = พรรคอนาคตใหม่
MFP = Move Forward Party = พรรคก้าวไกล”
แน่นอน, สิ่งที่ “ปิยบุตร” หยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์ และชี้ให้เห็น นับว่า น่าคิดอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า “ผลพวงของการพิจารณาของ ป.ป.ช. กรณี “ประวิตรยืมใช้คงรูป” จะทำให้นักการเมืองและข้าราชการมี “ช่องทาง” ใหม่ในการซุกทรัพย์สิน”
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะต้องชี้แจง ว่าจริงหรือไม่ มีเหตุผลอย่างไร
นอกนั้น เป็นการรณรงค์ปลุกเร้า เพื่อล้มล้าง คสช. และระบอบคณาธิปไตย ที่เขาเชื่อว่า กำลังปกครองประเทศ และครองอำนาจอยู่ทั้งสิ้น และเป็นแนวทางต่อสู้ของ “ปิยบุตร” และคณะ มาตลอดนั่นเอง