ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 มีมติให้ปรับลดเวลาเคอร์ฟิวมาเป็น 23.00-03.00 น. ร้านนวดแผนไทย สปา เปิดได้แต่ยังยกเว้นสถานประกอบกิจการอบไอน้ำ ส่วนโรงภาพยนตร์จำกัดจำนวนผู้เข้าชมไม่เกิน 200 คนต่อรอบ พร้อมทั้งขยายเวลาปิดห้างสรรพสินค้าเป็น 21.00 น. ระบุ ศบค.ยังให้คงมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ การเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรทุกช่องทาง
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงผลประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่าที่ประชุมวันนี้นายกรัฐมนตรีและทุกคนได้เห็นพ้องตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์ว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่เป็นศูนย์ติดกันมาหลายวัน ที่พบติดเชื้อใหม่ก็เฉพาะที่อยู่ในที่กักตัวของทางรัฐบาลเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือว่าสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น จึงเป็นเงื่อนไขมาตรการผ่อนปรนระยะที่สาม ซึ่งทางเลขาฯ สมช.เสนอในที่ประชุมโดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้มาตรการผ่อนปรนมีความสอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงได้ให้ความผ่อนปรนตามที่เสนอมา ทั้งเรื่องสถานประกอบการต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ขยายเวลาให้เปิดถึง 3 ทุ่ม ลดเวลาเคอร์ฟิวจาก 5 ทุ่มถึงตี 3 เพื่อให้มีการขนส่งวัตถุดิบต่างๆ ในการส่งข้ามจังหวัดได้ แต่ยังคงมาตรการจำกัดการเดินทางต่างประเทศเข้ามาและออกไปในราชอาณาจักร
ส่วนกิจกรรมผ่อนปรนอื่นที่ประชุมเห็นว่าให้ผ่อนปรนได้ คือ สถานฟิตเนส สามารถเปิดได้โดยไม่เน้นกิจกรรมรวมกลุ่ม สปา นวดแผนไทย สามารถเปิดได้แต่ยกเว้นเรื่องการอบไอน้ำ และเรื่องที่เกี่ยวกับใบหน้า ส่วนเรื่องกีฬาสามารถติดซ้อมกีฬาได้แล้ว แต่จะต้องมีสตาฟไม่เกิน 10 คน ซึ่งในระยะที่ 2 นั้นเราอนุญาตเพียงนักกีฬาทีมชาติ แต่ครั้งนี้เป็นการอนุญาตให้ซ้อมกีฬาทั่วไปได้แล้ว ส่วนโรงภาพยนตร์สามารถเปิดได้โดยมีข้อจำกัดว่าต้องไม่เกิน 200 คนต่อรอบ
นายอิทธิพลกล่าวว่า สำหรับเรื่องโรงเรียน ทาง รมว.ศึกษาธิการได้นำเสนอข้อเสนอจากผู้ประกอบการโรงเรียนเอกชน และโรงเรียนภาครัฐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและที่ประชุมมีความเห็นว่าเนื่องจากโรงเรียนมีความ แตกต่างกันเรื่องขนาด จึงให้กระทรวงไปประเมินความพร้อมเป็นรายแห่ง และให้กระทรวงศึกษาฯ รายงานอีกครั้งในรอบหน้า คือ ในวันที่ 15 มิถุนายน ส่วนโรงเรียนที่มีความพร้อมในระดับพื้นที่ เช่น โรงเรียน ตชด. โรงเรียนห่างไกล ที่พร้อมเปิดในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ มีความจำเป็นและมีความแตกต่างเรื่องความไม่พร้อมในการจะเรียนออนไลน์ตามที่ได้ทดลองไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมาก็ให้สามารถเปิดได้ ดังนั้น ในการประชุมจึงขอให้ยึดตัวเลขทางสาธารณสุขเป็นหลัก นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมาตรการผ่อนคลายที่สอดคล้องกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลง ครั้งนี้จึงมีการผ่อนปรนมากขึ้น
ส่วนมาตรการผ่อนปรนที่จะมีในระยะต่อไป เช่น ผับ บาร์ สถานประกอบการร้านที่นั่งดื่ม ก็ยังคงเป็นเฟส 4 รวมถึงสนามมวยก็ยังคงเป็นเฟส 4 ด้วย ดังนั้น ยังเหลือกิจกรรมกิจการที่ต้องได้รับการประเมินในระยะที่ 4 นั้นจำนวนน้อยลงแล้ว เพราะในระยะที่ส 3 มีการผ่อนปรนให้จำนวนมาก
“ที่ประชุมเน้นย้ำขอประชาชนให้คงมาตรการชีวิตวิถีใหม่ทั้งหมด ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง วัดอุณหภูมิ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขอให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยทางภาครัฐจะได้เข้าทำการสุ่มตรวจและประเมินโดยหน่วยงานสาธารณสุข และพื้นที่ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี 90% ในทุกกิจกรรม รวมถึงที่ประเมินผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ มีคนเข้ามาใช้เกือบ 40 ล้านคน ถือเป็นการใช้แพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ที่มีการนำไอทีเข้ามาช่วย”
รมว.วัฒนธรรมกล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าสถานการณ์นี้ยังไม่สิ้นสุดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ ศบค.ต้องเน้นถึงความปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อระลอกสองเกิดขึ้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพราะรัฐบาลทำไปทั้งหมดทั้งเรื่องการเยียวยา การฟื้นฟู แผนปฏิบัติการต่างๆ การใช้งบประมาณ และตลอดสองวันที่ผ่านมาที่มีการอภิปรายในสภา ศบค. ก็ได้นำข้อคิดเห็นจากสภามาด้วย ดังนั้นเรื่องใดที่จะเป็นข้อกังวล หรือเรื่องใดที่จะสามารถผ่อนคลาย ให้ประชาชนมีช่องทางทำมาหากินและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างใกล้เคียงปกติก็รับไว้พิจารณา ซึ่งในวันเดียวกันนี้ที่ประชุมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพิจารณาเรื่องของโรงเรียนซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก และเป็นหนึ่งกิจกรรมที่มีความเป็นห่วงเรื่องมาตรการทางสาธารณสุขที่เด็กๆ ลูกหลานเราทุกคนอาจจะดูแลได้ไม่ทั่วถึงทั้งหมด จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง ขอฝากประชาชนทุกคนให้ยังคงรักษาความเข้มข้นเอาไว้การ์ดอย่าตก ซึ่งการผ่อนปรนระยะที่ 3 นี้จะเริ่มในวันที่ 1 มิถุนายน