“ปิยบุตร” หยิบข้อคิด “กุหลาบ สายประดิษฐ์” ส.ส.ที่ดีควรเป็นอย่างไร มาสร้างความ “ขลัง” ให้ตัวเอง ขณะ “หมอวรงค์” ยกความ “เถื่อน” ตำรวจอเมริกัน เตือนใจ “ทอน” เลิกคลั่ง “ยุโรป-อเมริกา” ปัญหาอยู่ที่นักการเมือง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (28 พ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์หัวข้อ “[ ข้อคิดของกุหลาบ สายประดิษฐ์ ถึงผู้แทนราษฎร ]”
โดยเนื้อหาระบุว่า “การเมืองที่ได้พูด ได้คำราม และได้กรรโชกกันอยู่ในทุกวันนี้ นอกจากมิใช่การเมืองที่จะนำความก้าวหน้า, ความแจ่มใสใหม่ๆ มาสู่ชีวิตของมวลราษฎรไทยแล้ว ยังกล่าวได้ว่าเป็นการเมืองที่มีลักษณะเหมือนปลิงที่คอยสูบโลหิตราษฎรที่มีโลหิตต่ำกว่าอัตราปกติอยู่แล้วให้ซีดจากลงไปทุกที
ถ้าผู้แทนราษฎรผู้ใดยังนึกไม่ออกว่าในเวลานี้ เขาควรจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง จึงจะเป็นการรับใช้ประเทศและประชาชนที่ได้เลือกตั้งเขามาแล้ว ข้าพเจ้าใคร่เสนองานแก่เขาสักชิ้นหนึ่งคือ การสอดส่องดูแลว่าโลหิตของราษฎรถูกสูบเอาไปใช้ในทางที่ไม่เป็นคุณแก่ตัวเขาหรือจะเป็นโทษแก่ตัวเขาประการใดบ้าง
ข้อนี้ข้าพเจ้าหมายถึงว่า ขอท่านผู้แทนราษฎรได้ใส่ใจศึกษาถึงการใช้จ่ายเงินในงบประมาณแผ่นดินทุกรายการว่า ได้ใช้จ่ายไปถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับโดยเคร่งครัดหรือไม่ ได้มีการใช้จ่ายหรือได้มีช่องทางเปิดไว้ให้ใช้จ่ายเงินของแผ่นดินตามอำเภอใจหรือไม่
และได้มีการใช้จ่ายไปในรูปใดบ้าง ที่ท่านเห็นว่าเป็นการใช้จ่ายที่มีลักษณะเป็นการสูบโลหิตของราษฎรให้จางไปถ่ายเดียว โดยไม่เป็นคุณค่าสาระประโยชน์แก่การครองชีพของเขาเลย
ถ้าท่านผู้แทนราษฎรได้กรุณาศึกษาสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้แล้ว นำรายงานการสอบสวนของท่านออกเปิดเผยแก่สาธารณชน จะเป็นโดยทางหนึ่งทางใดก็ตาม ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านได้ประกอบกิจซึ่งประชาชนคงพร้อมที่จะแซ่ซ้องสรรเสริญ”
กุหลาบ สายประดิษฐ์, “ชีวิตไม่มีแต่การเมือง,” ใน มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ในฐานะนักหนังสือพิมพ์, สุชาติ สวัสดิ์ศรี, บรรณาธิการ”
สำหรับ กุหลาบ สายประดิษฐ์ นอกจากจะเป็นที่รู้จักในนามปากกาว่า “ศรีบูรพา” และนักหนังสือพิมพ์แล้ว ยังเป็น เจ้าของวาทะ “ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน”
และวันนี้เช่นกัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์หัวข้อ “ทอนสามตะกร้าว่าอย่างไร???”
โดยระบุว่า “ผมคิดว่านายทอนสามตะกร้า คงจะได้เห็นภาพข่าวนี้ (27 พ.ค. 63) ที่ตำรวจอเมริกันผิวขาว ใช้เข่ากดไปที่คอของชาวอเมริกันผิวสี เขาไม่มีทางสู้ บางช่วงยังพูดว่าหายใจลำบาก สุดท้ายก็เสียชีวิต
นายทอนสามตะกร้า คงจำได้ที่หลังเลือกตั้งใหม่ๆ เดินสายยุโรปและอเมริกาเพื่อตำหนิประเทศตนเอง รวมถึงไปฟ้องร้องเรื่องประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
ผมไม่ทราบว่าแอมเนสตี้และฮิวแมนไรท์วอชคิดอย่างไร เห็นนายทอนชอบตามฝรั่งมาเรื่อยๆ ว่า ตนเองถูกละเมิดสิทธิ์ จึงอยากถามนายทอนว่า คุณคิดอย่างไรกับสิ่งที่เห็นนี้ ? คุณอยากเปลี่ยนแปลงประเทศเป็นแบบนี้เหรอ? ประเทศที่เจริญทางด้านวัตถุ เทคโนโลยี แต่ไม่มีหัวใจ
ผมคิดว่า คุณควรหยุดคิดล้มล้างได้แล้ว ประเทศไทยของเรา ภายใต้สถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และความมีรากเหง้า มีพร้อมทั้งสิทธิ เสรีภาพ เทคโนโลยีที่เท่าทัน วัฒนธรรม ประเพณี ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ความเอื้ออาทร และหัวใจไทยที่มีให้กัน ไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้ว
มีเพียงสิ่งเดียวที่คุณควรต้องคิดเปลี่ยน ก็คือ นักการเมือง ให้รู้จักรักและภูมิใจในชาติ ลดการโกง เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แค่นี้ไม่กี่ปี ประเทศของเราก็จะผงาดแน่นอน”
แน่นอน, ข้อคิดของ “กุหลาบ สายประดิษฐ์” ที่ “ปิยบุตร” หยิบยกมานั้น ไม่ว่านายปิยบุตร จะต้องการนำมาเพื่อให้ข้อคิดแก่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่กำลังจ้องเม็ดเงินมหาศาลจากการกู้มาเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญปัญหาโควิด-19 อย่างหนักอยู่นี้
หรือ หยิบยกมา เพื่อที่จะบอกว่า นี่คือ อุดมคติที่ตัวเองยึดมั่นมาตลอด ตามแนวทางของ “กุหลาบ สายประดิษฐ์” ก็ล้วนแต่ ทำให้นายปิยบุตร มีราคาขึ้นทั้งสิ้น
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ “ปิยบุตร” เคยชินอย่างมากกับการหยิบยกเอาคำ เอาคติ เอาผลงานของ ปรัชญาเมธีของโลกมากล่าวอ้างเพื่อตนเองอยู่เสมอ ด้วยความที่เป็นนักอ่านตัวยงนั่นเอง
แต่พฤติกรรม และอุดมการณ์ทางการเมือง ก็ยังเป็นคนละเรื่องอยู่ดี เพราะคนไทยจำนวนมากน่ารู้จักเขาดีในเรื่องนั้น
แต่ถึงกระนั้น ประเด็นที่น่าสนใจ และน่านำมาขยายผลมากกว่าก็คือ การ “ชำระ ส.ส.” หรือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั่นเอง และอาจรวมถึง “นักการเมือง” ด้วย รวมทั้งไม่แต่พรรคร่วมรัฐบาล หากแต่ต้องรวมถึงพรรคฝ่ายค้านด้วย ทั้งหมด ที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เลิกทำตัวเป็น “ปลิง” ดูดเลือดประชาชนเสียที
และที่สำคัญ ส.ส. และนักการเมืองนั่นเอง ที่เป็นปัญหาใหญ่ และปัญหาหลักของการพัฒนาประชาธิปไตยไทย เพราะสาเหตุสำคัญที่นำมาสู่การรัฐประหารทุกครั้ง ก็เพราะ ส.ส.และนักการเมืองขัดแย้ง แก่งแย่งผลประโยชน์ แก่งแย่งอำนาจ นั่นเอง หรือใครจะเถียงก็ลองย้อนไปดูเหตุการณ์ในอดีตดูเองก็แล้วกัน อย่ามาบิดเบือนเรื่องอื่น