ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ไหวมั้ย? พลิกปูม “4 อะเวนเจอร์” บอร์ดใหม่การบินไทย ล้วนแต่เป็น “ทีมลุงตู่” สายตรงส่งมารับภาระกู้ชีพเจ้าจำปี
อนาคตการบินไทยจะบินสู่จุดหมายปลายทางแผนการฟื้นฟูกิจการจะกลับมาได้อย่างไร ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม แต่ที่ฮือฮากันในชั่วยามนี้ เพราะปรากฏชื่อ “บอร์ดใหม่ 4 คนดัง” ที่เข้ามาแทนบอร์ดเก่า
นั่นเพราะ มีรายงานจากตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแจ้งจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวาน (25 พ.ค.) เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการบริษัท โดยระบุว่า บมจ.การบินไทย ได้จัดประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งพิเศษ ที่ 10-1/2563 เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 63 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการมีมติ แต่งตั้ง คณะกรรมการ 4 คน ได้แก่
1. “นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ แทน “นายปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์”
2. “นายบุญทักษ์ หวังเจริญ” ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ แทน “นายพินิจ พัวพันธ์”
3. “นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร” ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ แทน “นางปรารถนา มงคลกุล”
4. “นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์” ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ แทน นางสาวศิริกุล เลากัยกุล
ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป
ไล่เรียงทีละคน พบว่า ประวัติการทำงานและความสัมพันธ์ต้องบอกว่าธรรมดาซะที่ไหน
เริ่มจาก “พีระพันธ์” นั้น อดีตเคยเป็น รมว.ยุติธรรม สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวขชาชีวะ ว่ากันว่า เป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มือกฎหมายสายตรงที่ “ลุงตู่” เรียกใช้บริการ ดูบรรดา “ค่าโง่” โครงการสัมปทานที่รัฐบาลตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เบื้องหลังมาจากคนๆ นี้นี่เอง
ขณะที่ “ไพรินทร์” อดีตเคยเป็น ซีอีโอ ปตท. ก่อนจะเข้าสู่วงโคจรการเมือง ได้เป็น รมช.คมนาคม รัฐบาล คสช. เคยเป็นที่ปรึกษาลุงตู่ และถือได้ว่าเป็นคนที่หลังบ้านของลุงตู่ชื่นชอบ เพราะเป็นผู้ที่ชอบงานด้านการศึกษาเหมือนๆ กัน
ส่วน “ปิยะสวัสดิ์” เทคโนแครตที่รู้จักกันดี เคยเป็น อดีตดีดีการบินไทยมาแล้ว ประธานบอร์ด ปตท. และ อดีต รมว.พลังงาน สมัยรัฐบาลขิงแก่ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ และถือว่าทำงานและสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลลุงตู่ อีกคน
สำหรับ “บุญทักษ์ หวังเจริญ” นายแบงก์มืออาชีพ อดีตซีอีโอ ธนาคารทหารไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นหนึ่งใน สนช. ชุดแรกที่ถูกคณะ คสช. ดึงเข้ามารับตำแหน่ง
เมื่อ พลิกปูม ส่องโปรโฟล์กันทั้ง 4 คนนี้แล้ว จะเรียกว่าเป็น “ทีมลุงตู่” ก็คงไม่ผิดนัก!!
เบื้องต้นนี้ดูท่าทางภารกิจปฏิบัติการกู้ขีพการบินไทยอันหนักหนาสาหัส “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะลงมากำกับเองอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้ ก.คลัง หรือ ก.คมนาคม ที่คนหนึ่งอยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และอีกคนอยู่ในฐานะกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ได้แสดงบทบาทตามลำพัง
อุปมาการลงมากำกับการบินไทยของ “ลุงตู่” ไม่ต่างกับการทำหน้าที่ “กัปตัน” ที่จะนำเครื่องบินฝ่าด่านมรสุมวิกฤตนี้ิออกไปด้วยตัวเอง
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า “กัปตันลุงตู่” และทีมอะเวนเจอร์ของลุง จะทำได้ดีแค่ไหน ? ... จะแลนดิ้งลงจอดสวยงาม หรือจะหมุนเคว้งคว้างกลางรันเวย์กู่ไม่กลับก็ต้องติดตามกันต่อไป
** จับตาการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ที่ “ไฮไลต์” ไม่ได้อยู่ที่ผลโหวต.. โดยฝ่ายค้านมีเดิมพันที่การเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนฝ่ายรัฐบาลมีเดิมพันอยู่ที่เก้าอี้รัฐมนตรี ในการปรับ ครม. ที่จะมาถึง
ไฮไลต์การเมืองสัปดาห์นี้ คงต้องอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร เมื่อเปิดสมัยการประชุมสภาฯ และจะมีการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูประเทศในสถานการณ์โควิด-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ซึ่ง พ.ร.ก.3 ฉบับนี้ ประกอบด้วย...
1. พ.ร.ก.ให้อำนาจ ก.คลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟู ศก.และสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท 2. พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยให้กู้ยืมเงินแก่สถาบันการเงิน ภายในวง เงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท และ 3. พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทาง ศก.ของประเทศ ในระยะเริ่มแรกให้กองทุนมีวงเงินไม่เกิน 400,000 ล้านบาท
นับเป็นการกู้เงินครั้งที่ “มากที่สุด” ของประเทศ ... และแน่นอนว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ชี้แจงถึงเหตุผล ความจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 3 ฉบับนี้ ด้วยตัวเอง...
ในฟากฝั่งของฝ่ายค้านนั้น ก่อนหน้านี้ ได้พยายามยื่นขอเปิดสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่ออภิปราย พ.ร.ก. 3 ฉบับนี้ เป็นการเฉพาะมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ เพราะจำนวนเสียงสนับสนุนไม่เพียงพอ ... จึงเปลี่ยนเกม โดยให้ “พรรคก้าวไกล” โดย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค ยื่นขอตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อตรวจสอบการใช้เงินกู้จำนวนนี้แทน แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากสภาฯ เช่นกัน
ล่าสุด “ฝ่ายค้าน” ได้ออกมาตั้งเงื่อนไขว่า พร้อมจะโหวตให้ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับนี้ หากรัฐบาลมีรายละเอียดการใช้จ่ายเงิน และสามารถตอบคำถามข้อข้องใจของฝ่ายค้านได้ ... ที่สำคัญคือ ต้องตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อตรวจสอบการใช้เงินกู้จำนวนนี้ และให้รัฐบาลรายงานการใช้เงินกู้ต่อสภาฯ เดือนละครั้ง... หากไม่เป็นไปตามนี้ ฝ่ายค้านจะไม่โหวตให้ แต่จะไปยื่นศาล รธน. ขอให้ตีความว่า การออก พ.ร.ก.กู้เงินนี้ ขัด รธน. หรือไม่
ความจริงแล้วจำนวนเสียงของฝ่ายค้านที่มีอยู่ในขณะนี้ ก็ไม่สามารถคว่ำ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ ได้อยู่แล้ว... เพราะฝ่ายรัฐบาลพ้นสภาพ “เสียงปริ่มน้ำ” ไปมากแล้ว ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่แตกรัง และพรรคเล็กหลายพรรค รวมตัวกันหันมาสนับสนุนรัฐบาล
ดังนั้น ความสำคัญ หรือ “ไฮไลต์” ของฝ่ายค้านที่น่าจับตาจึงอยู่ที่การอภิปราย ว่าจะมีลำหักลำโค่น มีเหตุมีผล ที่จะโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ … ยิ่ง “พรรคเพื่อไทย” ที่เป็นแกนนำฝ่ายค้านขณะนี้ก็ แตกเป็นหลายกลุ่ม หลายก๊วน ขาดความเป็นเอกภาพ จะมีบทบาทในการอภิปรายครั้งนี้อย่างไร
อีกคนที่น่าจับตาคือ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่เคยเป็น “ดาวสภา” ของพรรคอนาคตใหม่ เมื่อครั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา คราวนี้มารับบทเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล “ฝีปาก” จะยังคงเส้นคงวา หรือมีพัฒนาการพอที่จะฝากความหวังให้เป็นฝ่ายตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่...
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็น่าจับตาเช่นกัน ทั้งการอภิปรายสนันสนุน พ.ร.ก. หรือบทบาทการเบรกเกมของฝ่ายค้าน เพราะถ้าทำดีก็จะ “มีรางวัล” ในการ “ปรับ ครม.” ครั้งหน้าอย่างแน่นอน ... โดยเฉพาะ “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ที่กวาดเอา ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ มาเข้าร่วมได้ถึง 9 คน จนมีจำนวนเสียงแซงหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเป็นพรรคอันดับ 2 ในฝั่งรัฐบาล ก็ต้องการโควตารัฐมนตรีเพิ่ม
หรืออย่างพรรคเล็กที่รวมตัวกันในนามกลุ่ม “กิจสังคมใหม่” นำโดย “ชัช เตาปูน” ชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท จับมือกับ “ดำรงค์ พิเดช” หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย “พิเชษฐ สถิรชวาล” หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย และ “พี่เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ รวมกับ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่มาเข้าร่วม รวมพลได้ 8 เสียง ก็รอลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรีอยู่เหมือนกัน
ยังมี “พรรคเศรษฐกิจใหม่” ที่ “ศุภดิช อากาศฤกษ์” รักษาการหัวหน้าพรรค นำ ส.ส. 5 เสียง ยกเว้น “ลุงมิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ มาเข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้ ยังสงวนท่าที เล่นบทเป็น “ฝ่ายอิสระ” มานานพอสมควร
อีกพรรคที่ไม่ควรมองข้าม คือ “ประชาธิปัตย์” ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่สภาพภายในพรรคก็มีกันหลายกลุ่มก๊วนเช่นกัน แถมยังทำงานการเมืองแบบมี “เอกลักษณ์เฉพาะตัว” คือพร้อม “ทิ้งทุ่น” ตลอดเวลา ... โดยเฉพาะ “เทพไท เสนพงศ์” ที่นอกจากจะทำตัวเป็น “ฝ่ายค้านในรัฐบาล” แล้วยังเป็นฝ่ายค้านในพรรคที่ตัวเองสังกัดอีกด้วย... จึงน่าจับตาว่าการอภิปรายของ “เทพไท” ในครั้งนี้จะออกไปทางไหน ...จะมีผลต่อการร่วมรัฐบาลในระยะยาวหรือไม่
การพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับนี้ “ไฮไลต์” จึงไม่ได้อยูที่ผลโหวต ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน แต่อยู่ที่เนื้อหาการอภิปราย บทบาท และท่าที ของทั้งสองฝ่าย ...โดยฝ่ายค้านมีเดิมพันอยู่ที่การเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีประชาชนหันมาฝากผี ฝากไข้ ให้การสนับสนุนมากขึ้นหรือไม่ ... ขณะที่ฝ่ายร่วมรัฐบาล มีเดิมพันอยู่ที่ “เก้าอี้รัฐมนตรี” การปรับ ครม.ครั้งหน้า !!