xs
xsm
sm
md
lg

ชัดเจน! “อุตตม” ปฏิเสธตั้งพรรคใหม่ ทิ้ง พปชร.ยืนยันยังทำงานไม่ไปไหน ** “บิ๊กแป๊ะ” สั่งเคลียร์ปมการเสียชีวิตของ “พี่เตี้ย มช.” เพราะเรื่องนี้มีนัยยะต่อจิตใจนักศึกษา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว


**ชัดเจน! “อุตตม” ปฏิเสธตั้งพรรคใหม่ทิ้ง พปชร. ยืนยันยังทำงานไม่ไปไหน โต้ข่าวโคมลอยกลางกรุง กลุ่ม 4 กุมารจ่อตั้งพรรค “สร้างไทย”


กรณีมีรายงานข่าวอ้างแกนนำรัฐบาล ระบุว่า เมื่อเร็วๆ นี้ “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน เลขาธิการ พปชร. “มาดามเดียร์” น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พปชร. พร้อมด้วย นักธุรกิจชื่อดัง “วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น นัดแนะร่วมหารือกันที่ “โรงแรมหรรษา” ใจกลางกรุงเทพฯ โดยคาดว่าเป็นการพูดคุยแผนรับมือ หากสถานการณ์การเมืองในพรรคพลิกไปอยู่ในมือของฝ่ายที่กำลังเคลื่อนไหวยึดอำนาจ ซึ่งจะทำให้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค รวมไปถึงตำแหน่งรัฐมนตรี ของทีมเศรษฐกิจ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ หรือที่เรียกกันว่า “4 กุมาร” พปชร. กระทบไปด้วย

ข่าวยังว่าการหารือดังกล่าวคาดว่าจะมีการตั้งพรรคสำรอง ได้ชื่อไว้เรียบร้อยคือ “พรรคสร้างไทย” หากสุดท้ายถูกปรับออก

เรียกว่าเป็นอีกข่าวที่ออกมาเพื่อเขย่าขยี้ปมขัดแย้งภายในพรรค พปชร. โดยเฉพาะเพื่อเพิ่มน้ำหนักความเชื่อถือ เนื้อหายังโยงไปถึงกรณี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่ลาป่วยไม่ได้เข้าประชุม ครม.วันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจาก “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้ “การบินไทย” ยื่นฟื้นฟูกิจการ ผ่านศาลล้มละลายกลาง ซึ่งว่ากันว่าเป็นคนละแนวทางกับ “สมคิด”

พลันที่ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ถามว่า จริงหรือไม่?... ไม่ต้องพิสูจน์ใดๆ เมื่อ “อุตตม สาวนายน” ออกมาบอกด้วยตัวเองว่า เรื่องนี้โกหกทั้งเพ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เชื่อว่า ปฏิบัติการข่าวโคมลอยกลางกรุง มุ่งหวังดิสเครดิตทางการเมืองอีกระลอก

อุตตม สาวนายน

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
โดยข้อเท็จจริงวันนี้ของ “อุตตม” คือ ยังทำงานเต็มที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ต้องดูแลการเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 เหมือนเดิม ยังไม่ได้คิดไปไหน

ขณะที่ ฟังว่า “วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น ที่มีชื่อพัวพันในข่าวก็ออกจะงงๆ ที่ชื่อไปปรากฏว่า มีส่วนร่วมในการหารือเพื่อตั้งพรรคการเมืองใหม่

“วัฒน์ชัย” บอกว่า ผมเป็นแค่นักธุรกิจคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดฝันจะเล่นการเมือง แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามีโอกาสได้รู้จัก และให้ความเคารพ ผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงการเมืองหลายคน เพราะชื่นชมในความรู้ความสามารถของคนเหล่านั้น

ในวันนั้น แค่แวะไปคุยเรื่องธุรกิจกับทีมงาน โดยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเข้าร่วมหารือในประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด

สรุปว่า ตั้งพรรคใหม่ของ “4 กุมาร” พปชร.= เฟกนิวส์...จบนะ.


** “บิ๊กแป๊ะ” ไม่มองข้ามแม้จะเป็นเรื่องหมา สั่งเคลียร์ปมการเสียชีวิตของ “พี่เตี้ย มช.” เพราะเรื่องนี้มีนัยยะต่อจิตใจนักศึกษา


พี่เตี้ย มช.
กรณี “พี่เตี้ย มช.” สุนัขในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นขวัญใจ ระดับ “เซเลบ” ของนักศึกษาที่นั่น ได้หายตัวไปตั้งแต่ประมาณวันที่ 4 พ.ค. ทำเอาบรรดาแฟนคลับตามหากันให้วุ่น รวมทั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจ “เตี้ย มช.” ถึงกับตั้งรางวัล 10,000 บาท แก่ผู้ที่พบ “พี่เตี้ย” พร้อมตรวจดูตามกล้องวงจรปิดจุดต่างๆ และไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ เพราะคิดว่าอาจถูกลักพาตัวไป

กระทั่งวันที่ 7 พ.ค. ได้มีผู้ไปพบซากสุนัขในป่าข้างทาง เมื่อตรวจสอบก็ได้ผลยืนยันจากไมโครชิปว่าเป็น “พี่เตี้ย” จึงได้ส่งร่างให้คณะสัตวแพทย์ชันสูตรหาสาเหตุการตาย... ผลชันสูตรปรากฏว่า “พี่เตี้ย” เสียชีวิตจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณขาหลัง และช่วงล่างของลำตัว กะโหลกท้ายทอยแตก ทั้งยังพบการฉีกขาดของกระเพาะปัสสาวะ เบื้องต้นคาดว่าเป็นอุบัติเหตุถูกรถชน

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจกล้องวงจรปิดพบว่า มีคนขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด และเรียกพี่เตี้ยขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไป ซึ่งต่อมาพบว่าผู้ที่พา “พี่เตี้ย” ออกไปนั้น เป็นข้าราชการตำรวจ ยศ ส.ต.ท. สังกัด ตชด.33 ซึ่งต่อมา ส.ต.ท.คนดังกล่าวยอมรับว่าเป็นผู้นำ “พี่เตี้ย” ออกไปจริง แต่พี่เตี้ยกระโดดลงจากรถขณะขับขี่ ทำให้ล้อหลังทับตาย จึงนำไปโยนทิ้ง ยืนยันไม่ได้มีเจตนาทำราย ... แต่ “มูลนิธิวอชด็อกฯ” ไม่เชื่อ เพราะมีชาวบ้านในบริเวณนั้น ให้ข้อมูลว่าได้ยินเสียงปีน 4 นัด ซึ่งตรงกับผลชันสูตรที่ว่า บริเวณต้นคอมี 4 แผล จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนในประเด็นการเสียชีวิต หากพบผู้กระทำผิดก็ให้ดำเนินคดีถึงที่สุด

เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นฮอตในโซเชียลฯ และเป็นที่รับรู้มาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย “พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ” รองโฆษก ตร. บอกว่า “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้รับทราบเรื่องแล้ว และไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วว่ามีเจตนาทำให้สุนัขตัวดังกล่าวตายหรือไม่ โดยให้ต้นสังกัดและเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

คงมีคนสงสัยว่า ทำไม “ผบ.ตร.” จึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ถึงขั้นตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ...ต้องไม่ลืมว่าก็เพราะเรื่องนี้ มีตำรวจยศ ส.ต.ท.สังกัด ตชด.33 เข้าไปเกี่ยวข้อง และตกเป็นผู้ต้องสงสัย... ขณะเดียวกัน “พี่เตี้ย” ก็เป็นที่รักใคร เป็นขวัญใจของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และตำรวจ ตชด.นายนี้ ยังเข้าไปในมหาวิทยาลัย แล้วพา “พี่เตี้ย” ออกมาจนกระทั่งเสียชีวิต เรื่องนี้อาจเป็นเหตุให้นักศึกษาไม่พอใจ และอาจเป็นต้นเหตุให้เกิดอะไรตามมาก็ได้

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา
“เพจเฟซบุ๊ก เตี้ย มช.” ได้เล่าประวัติความเป็นมาของ “พี่เตี้ย” เอาไว้ว่า ตอนเล็กพี่เตี้ยมีชื่อว่า “ช้าง” มีพี่น้องหลายตัว บ้านอยู่แถวเจ็ดยอด ห่างจาก มช. ประมาณ 5 กม. มีนิสัยชอบเดินไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ตอนปี 2557 ได้เดินมาใน มช. มีการประกาศตามหาเจ้าของหลายครั้ง จนเจ้าของเลิกตามมารับกลับบ้าน พี่เตี้ยจึงอยู่ประจำที่คณะวิทยาศาสตร์

ด้วยความน่ารัก ชอบทำกิจกรรมร่วมกับนักศึกษา จนนักศึกษาจัดถ้วยข้าว ถ้วยน้ำให้ และทำเพจเตี้ยสตอรี่ ขึ้นมาบันทึกความน่ารักของพี่เตี้ยในงานต่างๆ และที่สร้างชื่อเสียงให้ “พี่เตี้ย” คือ ในช่วงการรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัย ที่มีประเพณีการเดินขึ้นดอยสุเทพ พี่เตี้ยก็ร่วมวิ่งขึ้นดอยกับบรรดานักศึกษา และน้องใหม่ด้วย นักศึกษาโดยเฉพาะน้องใหม่ จึงเรียกกันติดปากว่า “พี่เตี้ย”

หลังจาก “พี่เตี้ย” มีชื่อเสียงระดับเซเลบ ก็ได้ช่วยให้สุนัขจรจรตัวอื่นๆ ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากเงินบริจาคที่ได้รับมา โดย “พี่เตี้ย” มาอยู่ที่มหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ปี 57 ต่อมาปี 58 มหาวิทยาลัย มีโครงการ MACMU จัดระเบียบสุนัขจรจัดที่อาศัยอยู่ตามคณะต่างๆ ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย มีการให้คณะต่างๆ ลงทะเบียนสุนัขในพื้นที่ของตัวเอง เพื่อให้มีการดูแลอย่างถูกต้อง “พี่เตี้ย” จึงมีชื่ออยู่ในสังกัดภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์

การตายของ “พี่เตี้ย” จึงไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเฉพาะประเด็นที่ยังเป็นที่คลางแคลงใจว่า มีตำรวจ ตชด. มาพาออกไป จนกระทั่งเสียชีวิต

กรณีเช่นนี้หากเป็น ผบ.ตร. คนอื่น คงจะไม่ให้ความสนใจหรือใส่ใจแต่อย่างใด เพราะคงมองว่าเป็นแค่เรื่องหมาตายตัวนึง ทั้งๆ ที่จริงแล้วนัยยะของการเสียชีวิตของหมาตัวนี้ มีสูงมากจนอาจกลายเป็นเรื่อง “น้ำผึ้งหยดเดียว” ก็ได้

การไม่นิ่งนอนใจของ “บิ๊กแป๊ะ” ต่อเรื่องนี้ เปรียบเสมือนการรีบดับไฟ ด้วยการสั่งการอย่างเด็ดขาดให้ทำความจริงให้เป็นที่ปรากฏแก่ประชาชน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีผลกระทบต่อจิตใจนักศึกษา ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่จะมองข้าม

น่าเสียดาย ผบ.ตร.คนนี้ จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2563 นี้แล้ว!!


กำลังโหลดความคิดเห็น