“ตรีรัตน์” ชี้เยียวยา 5 พันบาทไม่ช่วยประคองชีพพ้นโควิด จี้รัฐบาลสำรวจความเสียหาย-เร่งเยียวยา-เตรียมโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการฟื้นฟู ศก.-ท่องเที่ยว พร้อมปูพรมเงินกู้ดอกเบี้ยถูกกระตุ้นรายย่อยฟื้นตัว ถือโอกาสยกเลิกกฎหมายเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน
วันนี้ (20 พ.ค.) นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส เลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัส และอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยได้โพสต์เฟสบุ๊กในหัวข้อ “ทางรอดของประเทศไทยหลังโควิด” เพื่อเสนอให้รัฐบาลเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อรองรับฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กลับมาเป็นที่นิยมของของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอีกครั้งภยหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 โดยระบุว่า ตอนนี้ทุกภาคส่วนเริ่มปรับตัวได้สู่สภาพแวดล้อมใหม่หรือ New Normal แต่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ยังมีอีกกลุ่มธุรกิจและบุคคลที่ไม่สามารถปรับตัวได้ หากปราศจากแรงผลักดันของรัฐ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ร้านนวด ไปจนถึงห้างสรรพสินค้า หรือขนส่งมวลชน ตั้งแต่ สายการบิน, แท็กซี่, รถตู้, รถทัวร์, ร้านจำหน่ายของฝาก, ร้านจำหน่ายสินค้า OTOP, ร้านทำผม, ร้านอาหาร และภาคธุรกิจที่เน้นการส่งออก เป็นต้น รัฐบาลจึงควรเข้าไปสำรวจความเสียหายของทุกกลุ่มธุรกิจ และออกมาตรการช่วยเหลือที่ยั่งยืนโดยเร็ว
“การเยียวยา 5,000 บาทต่อเดือน หรือการรอเงินประกันสังคมที่ยังมีปัญหา อาจไม่สามารถประวิงชีวิตพวกเขาได้อีกยาวนาน มาตรการเยียวยาเป็นเสมือนยาแก้อักเสบเท่านั้น สิ่งที่ต้องทำวันนี้คือต้องเปลี่ยนจากยาแก้อักเสบ เป็นวิตามินในการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ให้พวกเขาฟื้นกลับมาให้ได้ เช่นการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิดให้เร็วที่สุด” นายตรีรัตน์ ระบุ
นายตรีรัตน์ ได้ขยายความข้อเสนอที่แบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยว่า 1.สำรวจความเสียหาย ดูรอยแผลของการบาดเจ็บในครั้งนี้ให้ด่วนที่สุดในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับการเสียหายหนัก เช่น ธุรกิจกลุ่มท่องเที่ยว และ ภาคอุตสาหกรรมที่เน้นการส่งออก รวมทั้งดูตัวเลขหนี้สินครัวเรือน ของผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด เพื่อหาทางป้องกันการล้มละลาย หรือโดนยึดทรัพย์สิน และขอเสนอให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือที่ยั่งยืนให้กับกลุ่มบุคคลที่ถูกปลดงานจากการปิดตัวของธุรกิจ โดยจัดตั้งกองทุนคนว่างงาน และกองทุนเปลี่ยนงาน ให้กับผู้ได้รับผลกระทบ และขยายมาตรกรปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยถูกโดยธนาคารรัฐ ให้กับบุคคล และกลุ่มธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้เศรษฐกิจระดับย่อยฟื้นตัว นอกจากนี้ยังเสนอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ในการสังคายนากฎหมาย และข้อบังคับ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตทางธุรกิจ และยกเลิกกฎหมายเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนทั้งหลาย พร้อมกับการทำการตลาดสู่ภายนอก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทย.