ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เฟกนิวส์ CPTPP ปล่อยเพื่อตี “สมคิด” รีเทิร์น งานนี้ “จุรินทร์” ชิ่งลอยตัว เอาดีใส่ตัวเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือโยนขี้ให้ “ลุงตู่”
เมื่อวาน (19 พ.ค.) จู่ๆ ก็มี “เฟกนิวส์” ออกมาตามเพจเอ็นจีโอ และเพจเครือข่ายสื่อใหม่สองสามสำนักก็อปปี้เดียวกัน โดยระบุว่า “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี จะเสนอวาระจรต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาขอให้ไทยเขาร่วมเจรจา “หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” หรือ CPTPP อีกครั้ง โดยติดแฮชแท็ก คำว่า #NoCPTTP2 เหมือนๆ กัน กระจายไปตามออนไลน์
ตามมาด้วยการรับลูกจาก “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาเรื่อง CPTPP เพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เป็นผู้เสนอ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขอถอนวาระไปแล้ว และที่ประชุม ครม.วันนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่...
ส่วนจะเป็นการปล่อยข่าวดิสเครดิต “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี หรือไม่ จุรินทร์กล่าวว่า ไม่สามารถบอกได้ ต้องไปถามคนปล่อยข่าว ส่วนจะต้องไปคุยกับ “สมคิด” ว่าจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาหรือไม่ จุรินทร์กล่าวว่า เป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะพิจารณาเองว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ข่าวบอกว่า... เมื่อนักข่าวถามย้ำว่าใกล้ที่จะถึงเวลาลงนาม CPTPPแล้ว คณะรัฐมนตรีจะต้องเร่งพิจารณาหรือไม่ “จุรินทร์” ย้ำคำเดิมว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เสนอ แต่ส่วนอื่นจะเป็นอย่างไรต้องถามนายกรัฐมนตรีเอง พร้อมย้ำจุดยืนเหตุผลที่ถอนวาระจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะอยากเห็นสังคมมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน และต้องรับฟังความเห็นซึ่งกันและกันอย่างรอบด้าน
ต้องบอกว่า ออกมา “หล่อลอยตัว” เหมือนเดิมอีกแล้วครับท่าน สำหรับท่าทีของ รมว.พาณิชย์ ทั้งๆ ที่ CPTPP เป็นความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ของ “จุรินทร์” เองโดยตรง!!
ขอย้ำว่า CPTPPไทยจะเข้าร่วมเจรจาได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ อยู่ที่ “จุรินทร์”
มีความพยายามทำเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งก็น่าเห็นใจกรมเจรจาฯ ที่ทำงานหนักมากว่า 5 ปี ในการเตรียมการ ทั้งๆ ที่มีข้อมูลต่างๆ สามารถตอบคำถามเอ็นจีโอ และข้อสงสัยของสังคมได้ แต่กลับไม่เคยได้โอกาสชี้แจง
ข่าวว่า CPTPP จะเป็นวาระจรเข้า ครม.ครั้งนี้ ที่ว่าเป็น “เฟกนิวส์” ทำไมจุรินทร์จะไม่รู้ ก็เพราะเช็กกันหลายสายแล้วปรากฏว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ รองนายกฯ สมคิด จะเสนอเข้า ครม. เพราะหนึ่งนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้รับผิดชอบ
แถมมีรายงานยืนยันว่า “สมคิด” นั้นตอนนี้ไม่สบาย อยู่ระหว่างพักรักษาอาการ ทำให้ข่าวนี้กลายเป็นข่าวปล่อยที่มุ่งออกมาหวังผลทางการเมืองเท่านั้นโดยไม่ต้องสงสัย
น่าแปลกใจที่ว่า ทุกครั้งที่มีเรื่อง CPTPP รมว.จุรินทร์ ไม่เคยปกป้อง ไม่เคยสั่งการต่อคณะทำงาน และไม่เคยอธิบายผลดีผลเสีย CPTPP แก่สังคม นอกจากจะออกมาทำหล่อขานรับกระแสสังคม ทั้งๆ ที่คราวที่แล้วเป็นคนเสนอเอง แต่ก็ “ชักออก” เมื่อถูกกระแสโซเชียลฯ ออกมาค้านหนัก และปล่อยให้สังคมเข้าใจว่าเป็นรองนายกฯ สมคิด คือผู้พยายามผลักดัน
เข้าทำนองตีกินทางการเมือง เอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคราวนี้โยนขี้ให้ “ลุงตู่” อีกต่างหาก!!
** สรุปว่าเอากันอย่างนี้หรือ กรณีส่ง “วิชัย โภชนกิจ” กลับไปนั่งอธิบดีกรมการค้าภายใน ทั้งที่สังคมยังคาใจว่าหน้ากากอนามัยหายไปไหน...ใครได้ประโยชน์
ดรามาไฟลุกโซเชียลฯ หลัง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เซ็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 136/2563 ให้ “วิชัย โภชนกิจ” กลับคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ...นั่นเพราะสังคมยังคาใจเรื่องหน้ากากอนามัยหายไปไหน
“วิชัย โภชนกิจ” ถูก “ลุงตู่” เซ็นคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 63 ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก หน้ากากอนามัยขาดตลาด จนสังคมเกิดข้อกังขาในเรื่องการกักตุน และการจำหน่ายหน้ากากอนามัย เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
หลังจากนั้น “นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร” ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มี “นายสุพพัต อ่องแสงคุณ” รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะกรรมการ ผลสอบสวนออกมาช่วงต้นเดือนเมษายน สรุปความได้ว่า ...การบริหารจัดการหน้ากากอนามัยมีการดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการ แต่อาจมีช่องโหว่ เพราะไม่รู้ว่าช่วงนอกเวลาราชการ ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าจะมีการผลิตเพิ่ม และลักลอบขายหลังโรงงานหรือไม่ จนเป็นสาเหตุให้มีการนำหน้ากากอนามัยมาขายในราคาแพง
สรุปง่ายๆว่า การปฏิบัติหน้าที่ของอธิบดีกรมการค้าภายใน ในช่วงเวลาราชการไม่มีปัญหา แต่นอกเวลาราชการนั้นไม่รู้!
หลังผลสอบชุดแรกออกมาแล้ว... เพื่อป้องกันข้อครหาว่า “ตั้งคนกันเอง สอบกันเอง” แล้วจะเอาผิดกันได้อย่างไร... ปลัดพาณิชย์จึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุด คราวนี้ให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน
รอบนี้ได้ข้อสรุปว่า... มีการกำกับดูแล และปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ อาจจะบกพร่องบางส่วน แต่ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย...
ผลสรุปดังกล่าวสอดคล้องกับเหตุผลตามคำสั่งนายกฯ ล่าสุด ที่ให้ “วิชัย โภชนกิจ” กลับคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน ที่ระบุว่า การบริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัยของกรมการค้าภายใน เป็นการดำเนินการภายใต้วิสัยและพฤติการณ์ที่จะกระทำได้ในช่วงเวลาและสถานการณ์ที่เร่งด่วน ซึ่งมีข้อบกพร่องบางส่วน แต่ไม่ถึงขนาดเป็นความผิดวินัย และกระทรวงพาณิชย์ได้รับทราบผลการสืบสวนข้อเท็จจริง และให้ยุติเรื่องแล้ว ...นายกฯ เห็นด้วยตามนี้ จึงเซ็นคำสั่งส่งตัวกลับไป
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สังคมโซเชียลฯ ก็ยังคงคลางแคลงใจ เพราะจนถึงทุกวันนี้เดินเข้าร้านขายยาก็ยังหาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ ที่มีขายข้างนอกก็ราคาแพง แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายไปมากแล้ว แต่ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนก็ยังคงอยู่
ผลการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมการที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งมาทั้งสองชุด จึงไม่ได้ตอบโจทย์ว่า “หน้ากากอนามัยหายไปไหน”
จริงอยู่...ในสายตาของข้าราชการที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบอาจมองว่า การปฏิบัติหน้าที่ของอธิบดีกรมการค้าภายใน อาจมีช่องโหว่ “มีข้อบกพร่องบางส่วน” ไม่ถึงกับเป็นความผิดทางวินัย ... แต่สำหรับประชนแล้วแน่นอนว่ายังคง “คาใจ” ว่าหน้ากากอนามัยหายไปไหน ...ใครได้ประโยชน์!!