“เลขาฯ สมช.” ชี้ผ่อนปรนระยะ 2 มีความเสี่ยงแต่ควบคุมได้ ยืนยันยังไม่อนุญาตเครื่องบินพาณิชย์เข้าประเทศ คลินิกเสริมความงามทำหน้า พิจารณาในการผ่อนคลายในเฟส 3 หากหมออนุญาตก็ไม่มีปัญหา
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า การผ่อนปรนระยะที่สอง ยังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ แต่เป็นความเสี่ยงที่เราได้ใคร่ครวญแล้ว ต่อให้อยู่ในความเสี่ยงก็สามารถควบคุมได้ และสาธารณสุขก็ยังรองรับขีดความสามารถของความเสี่ยงนี้ได้ ทั้งนี้ หากพบกิจกรรม กิจการใดที่จะได้รับการแพร่เชื้อ อาจจะปิดกิจกรรม กิจการนั้น
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการเดินทางทางอากาศยังคงมีความเข้มข้นในระดับเดิม นั่นหมายความว่า เรายังคงป้องกันไม่ให้มีการแพร่เชื้อที่เกิดจากการนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทางบกทางน้ำหรือทางอากาศ การอนุญาตให้อากาศยานเดินทางเข้าประเทศไทยก็ยังเป็นไปด้วยความลำบาก โดยยังไม่รู้อนุญาตให้เครื่องบินพาณิชย์เข้ามา
เลขาฯ สมช.กล่าวอีกว่า เมื่อมีการปรับเวลาเคอร์ฟิว หรือการออกนอกเคหสถานในเวลา 23.00-04.00 น.แล้ว แต่ยังคงเชิญชวนให้ชะลอการเดินทางเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัดอยู่ ไม่ได้ห้าม แต่ก็ขอให้อยู่บ้าน เพราะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางเมื่อไปถึงปลายทาง หากจังหวัดนั้นมีมามาตรการที่เข้มข้น ก็ต้องปฏิบัติตามที่กำหนด เมื่อถามว่า มีข้อเสนอแนะจากประชาชนอยากให้ปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็นเวลา 03.00 น. ได้หรือไม่ เพราะมีประชาชนที่จะต้องขายของในตอนเช้า พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ขอรับไว้เป็นข้อพิจารณา เรื่องการปรับลดระยะเวลาเคอร์ฟิวในครั้งต่อไป
เมื่อถามอีกว่า ข้อกำหนดที่ระบุให้คลินิกเวชกรรม สถานเสริมความงาม สามารถเสริมความงามเฉพาะเรือนร่าง ไม่รวมถึงการเสริมความงาม บริเวณใบหน้า แต่ทำไมคลินิกทันตกรรมสามารถเปิดได้ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า หลักการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเฟสหนึ่งและเฟสสอง สิ่งที่เราทำก็คือ เรายอมเสี่ยงในบางเรื่อง เพื่อที่จะชดเชยความสะดวกสบายของประชาชน และชดเชยกับเศรษฐกิจที่จะได้รับการกระตุ้น ฉะนั้น กรณีของการทำทันตกรรม เป็นกิจกรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่ในเรื่องของการเสริมความงามที่ยังไม่ให้ทำในส่วนของใบหน้านั้น เพราะดวงตาสามารถติดเชื้อได้