ศบค.ยันยังเปิดคลินิกเสริมความงามไม่ได้ เหตุใช้เวลานาน มีความเสี่ยงแพร่โรคสูง ยังต้องปิดต่อเนื่อง เตือนคนแห่ซื้อเหล้า ซื้อสินค้า ยังต้องคงมาตรการป้องกัน รักษาระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ ลดเข้าพื้นที่แออัด-ใช้เวลานาน ลั่นหากตัวเลขติดเชื้อเพิ่มจะกลับไปปิดตามเดิม หากทำได้ดี ตัวเลขไม่เพิ่มจะขยายผ่อนปรนต่อ
วันนี้ (4 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงข้อสงสัยคลินิกเสริมความงามสามารถเปิดได้หรือไม่ ว่า ตามข้อกำหนดฉบับที่ 5 (6) ที่ออกมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563 ระบุว่า คลินิกเวชกรรมเสริมความงามเป็นหนึ่งในกิจการที่ต้องมีคำสั่งปิดสถานที่ เพราะมีความเสี่ยงในการแพร่โรค อยู่ในกลุ่มเดียวกับโรงมหรสพ ผับบาร์ สถานบันเทิงต่างๆ อธิบดีกรมควบคุมโรคให้ความเห็นว่าเพราะต้องใช้เวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ในคลินิกเสริมความงามนาน และเหตุผลความจำเป็นในช่วงเวลานี้ก็ยังจำเป็นน้อย เลยขอให้มาอยู่ในกลุ่มนี้ก่อน ยืนยันว่า ยังต้องปิดอยู่
ถามถึงกรณีประชาชนซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีภาพความแออัด รวมกลุ่มจำนวนมาก หรือรวมตัวรับของบริจาค ส่งผลต่อการทบทวนมาตรการหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นตัวอย่างและข้อเตือนใจในช่วงเปลี่ยนผ่าน ยืนยันว่าขอให้ยึดหลัก 5 ข้อเหมือนเดิม คือ 1. ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส 2. สวมหน้ากากอนามัยเป็นประจำ 3. ล้างมือบ่อยๆ 4. เว้นระยะห่าง 1 เมตร และ 5. อย่าให้มีแออัด ลดเวลาการไปแออัดให้ได้มากๆ เป็นมาตรการข้อกำหนดและทำเป็นประจำอยู่แล้ว จนประสบความสำเร็จแห่งหนึ่งของโลก ยังต้องการความร่วมมือให้ได้ 100% ขอให้ตัวเลขเป็น 0 ติดต่อยาวนาน 2 สัปดาห์ มั่นใจว่าประเทศไม่มีคนติดเชื้อ จึงใช้ชีวิตปกติได้ และจะผ่อนคลายสถานการณ์แต่ละขั้นไปได้ 14 วันนี้ถ้าทำได้ก็จะมีตัวเลขติดเชื้อน้อย จะเห็นระยะที่ 2 ก็จะมีพื้นที่ไปได้มากขึ้นอีก
ถามว่า รูปแบบพฤติกรรมถ้าผู้ติดเชื้อมากขึ้น มาตรการผ่อนคลายจะยกเลิกหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ศบค.จะเก็บรวบรวมสถิติสอดคล้องกับชุดพฤติกรรม ถ้าประสบความสำเร็จ ถ้าใส่มาตรการผ่อนปรน ตัวเลขติดเชื้อยังเท่าเดิม หรือลดลงน้อยลง มาตรการจะถูกขยับต่อไป ถ้ามาตรการนี้ทำไปเรื่อยๆ แล้วตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้น มาตรการต้องถูกทบทวน ไม่ว่าจะหยุดหรือกลับไปบังคับที่เดิมที่มีข้อจำกัดมากมายขึ้นมา ไม่ได้ทำเพื่ออะไรกับใคร ทำให้ไม่ป่วยตายจากโรคนี้เหมือนต่างประเทศ 14 วันถัดไปมีความหมายกับท่านมาก ท่านเองเป็นคนหนึ่งอยากทำมาหากิน เป็นพื้นที่ ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย จัดระยะห่างพื้นที่ ผู้ประกอบการต้องมากกว่าผู้มาใช้บริการ ผู้รับบริการต้องให้ความร่วมมือแบะตรวจสอบผู้ประกอบการด้วยและภาครัฐจะตรวจสอบติดตามทั้งสองส่วนนี้ ต้องทำงานทั้งสามส่วนทั้งผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการ และผู้ตรวจสอบติดตามภาครัฐ