รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ชงรัฐบาลคลายล็อกเฟส 2 แบบทางสายกลาง ให้ทุกภาคส่วนอยู่กันได้ ป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสอง เร่งฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเหมือนเดิม
วันนี้ (15 พ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการคลายล็อกเฟส 2 ว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มมีความวิตกกังวลว่าการคลายล็อกเฟส 2 อาจนำมาสู่การระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2 เนื่องจากจะมีการอนุญาตให้เปิดพื้นที่ให้มีคนจำนวนมากไปใช้บริการ เช่น ศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น จะมีคนเข้าไปเบียดเสียดใกล้ชิดกันอย่างแออัดเหมือนภาพที่เราเคยเห็นในอดีต เพราะมีตัวอย่างจากหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ที่มีการระบาดรอบที่ 2 เกิดขึ้นในสถานบันเทิงที่มีผู้เข้าไปใช้บริการจำนวนมากเมื่อมีการคลายล็อก รวมทั้งสิงคโปร์ที่มีการระบาดรอบที่ 2 มากขึ้นหลังคลายล็อกถึงแม้จะเป็นการระบาดในย่านที่พักอาศัยของผู้ใช้แรงงานต่างด้าวเป็นหลักก็ตาม
ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกร้องให้คลายล็อกเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้ก่อนที่เศรษฐกิจจะตกต่ำมากไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจนกลายเป็นปัญหาของประเทศจนยากที่จะเยียวยา เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงอย่างเห็นได้ชัดต่อเนื่องแล้ว และการป้องกันการแพร่ระบาดของไทยก็ทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมา
การไม่คลายล็อกเพิ่มขึ้น เพราะมีข้อกังวลต่างๆ หรือคลายล็อกเต็มที่แบบไม่มีเงื่อนไขย่อมก่อให้เกิดปัญหาทางใดทางหนึ่งได้ เพราะฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดขณะนี้ควรเป็นการคลายล็อกแบบทางสายกลาง ไม่ตึงไม่หย่อนเกินไป สร้างสมดุลให้ทุกภาคส่วนอยู่ร่วมกันได้ โดยมีเป้าหมายสำคัญ 2 ประการ คือ 1) ป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดเพิ่มมากกว่าที่ผ่านมา 2) ฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเหมือนเดิม
การจะบรรลุเป้าหมายหลังคลายล็อกแบบทางสายกลางได้ ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำทางราชการตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งการรักษาระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา การล้างมือบ่อยๆ การไม่เข้าไปในสถานที่เสี่ยงหรือพื้นที่ที่มีกลุ่มเสี่ยง เพราะถ้าเราไม่เคร่งครัดจริงจังเราก็อาจมีการแพร่ระบาดรอบที่ 2 เกิดขึ้นได้เหมือนบางประเทศ เพื่อให้ประชาชนตื่นตัวปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอยู่ตลอดเวลา รัฐบาลควรรณรงค์อย่างต่อเนื่องขนานใหญ่ด้วยคอนเซ็ปต์ “สวมหน้ากากผ้า รักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ” โดยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ มาวางแผนรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคโซเชียล
นอกจากนั้น ภาครัฐควรจัดให้มีอาสาสมัครเฉพาะกิจจิตอาสาช่วยเป็นหูเป็นตา ประสานทางราชการเพื่อให้มีการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างจริงจัง ถ้าทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มที่ ช่วยกันทำให้การคลายล็อกเฟส 2 ผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาใดๆ ก็เชื่อมั่นว่าการคลายล็อกในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงหนัง โรงละคร สนามมวย สนามกีฬา ผับ บาร์ คาราโอเกะ ก็อาจจะคลายล็อกตามมาได้ในไม่ช้า และอาจจะปลดล็อกให้บ้านเมืองกลับสู่สภาวะปกติได้ในที่สุด การที่เศรษฐกิจ สังคมจะกลับคืนมาสู่สภาวะปกติแบบ New Normal หรือความปกติใหม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับทุกภาคส่วน คนไทยทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจัง