เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ ขอไทยผ่อนปรนให้นักธุรกิจ ภาคเอกชน เดินทางเข้าไทยได้ พร้อมขอปลดรายชื่อออกจากประเทศเขตโรคติดต่ออันตราย เพราะสองประเทศควบคุมโควิด-19 ได้ ย้ำต้องมีการเดินทางติดต่อเพื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้านนายกฯเรียกสภาพัฒน์เข้าหารือ ก่อนเคาะมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ในวันพรุ่งนี้
วันนี้ (14 พ.ค.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาล โดย ช่วงเช้า คณะทำงานเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้ารายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เพื่อประกอบการพิจารณาผ่อนปรนมาตรการที่จะคลายล็อกในระยะที่ 2 ก่อนการประชุม ศบค.ในวันพรุ่งนี้
ด้าน นายสมคิด จาตุศรีพทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือ กับ นาย ลี วุก-ฮ็อน (Mr.Lee Wook-heon) เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย พร้อมเปิดเผยว่า ทางเกาหลีใต้ได้หารือถึงแนวทางการผ่อนปรนให้นักธุรกิจ และภาคเอกชนของเกาหลีใต้ เดินทางมาเจรจาธุรกิจในไทยได้ ซึ่งจะต้องมีการหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ ถึงความเป็นได้ ในการเดินทางเข้ามา ซึ่งจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสาธารณสุข และ ศบค.จะเป็นผู้พิจารณา
ด้าน นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า เกาหลีใต้ได้ขอให้ไทยผ่อนปรนการเดินทางให้กับนักธุรกิจและภาคเอกชน เข้าประเทศ เหมือนกับที่เกาหลีใต้ ผ่อนปรนให้ จีน ฮังการี และ เวียดนาม โดยมีการตรวจร่างกาย กักตัวตรวจดูอาการถึง 2 ครั้ง ก่อนที่จะให้เดินทางประเทศ ซึ่งการกักอาจไม่ถึง 14 วัน อีกทั้งสถานการณ์โควิด ในไทย และเกาหลีใต้ เริ่มที่ผ่อนคลายบ้าง เพราะแต่ละประเทศประสบปัญหาโควิด-19 แต่ปัญหาใหญ่คือเรื่องเศรษฐกิจ ที่จะต้องขับเคลื่อนเพื่อให้มีการเดินทาง ค้าขาย และ ลงทุน นอกจากนี้ ยังขอให้ไทยปลดรายชื่อประเทศเกาหลีใต้ ออกจากประเทศเขตโรคติดต่ออันตราย พร้อมกันนี้ ยังประเทศอื่นที่สนใจและติดต่อขอให้ไทยผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศ เช่น ฮ่องกง ที่มีความเป็นไปได้ เพราะควบคุมสถานการณ์โควิดได้บ้างแล้ว เช่นเดียวกับประเทศที่บริหารจัดการโควิด-19 ได้ดี จนมีหลายประเทศติดต่อเข้ามา ส่วนธุรกิจภาคท่องเที่ยวยังไม่สามารถที่จะเปิดได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้เวลา และหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ
ส่วนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทย นายกอบศักดิ์ ยอมรับว่า หนัก ทั้งเรื่องส่งออก และการท่องเที่ยว จึงขอให้ทำใจ ดังนั้นรัฐบาลจึงได้อนุมัติงบจ้างงานลงในพื้นที่ 4 แสนล้านบาท จาก พ.ร.ก.เงินกู้ ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ตกงาน และเดินทางกลับภูมิลำเนาตนเอง