ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ปริศนามือยิงเลเซอร์ “ตามหาความจริง” แฝงนัยยะการเมืองอะไร? มากกว่ารำลึกพฤษภา 53
ขณะที่ “ตู้ปันสุข” สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับสังคมที่ต้องการเห็นการแบ่งปันและเอื้ออาทรต่อกันในยามวิกฤต
อีกด้านหนึ่ง กรณีข้อความปริศนา “ตามหาความจริง” ที่ถูกมือดียิงด้วยแสงเลเซอร์ไปบนอาคาร สถานที่สำคัญในพื้นที่ กทม. หลายจุดสำคัญเมื่อคืนก่อน ก็สร้างความงุนงง และไม่สบายใจให้กับฝ่ายความมั่นคง
ว่ากันว่า แสงเลเซอร์ “ตามหาความจริง” เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2553 ซึ่งครบรอบ10 ปี ในปีนี้
ข้อความดังกล่าวตลอดจนภาพเหล่านี้ถูกปั่นถูกแชร์ต่อๆ กันไปในโซเชียลมีเดียจน “#ตามหาความจริง” ติดอันดับยอดฮิตเทรนด์ทวิตเตอร์ไทย ต่อเนื่อง
ร้อนถึง “พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์” โฆษกกระทรวงกลาโหม ต้องออกโรงมาพูดถึงมือยิงแสงเลเซอร์ ซึ่งหนึ่งในสถานที่นั้นคือ กระทรวงกลาโหม รวมอยู่ด้วยว่า ยังไม่ทราบวัตถุประประสงค์ของผู้ดำเนินการว่าทำเพื่ออะไร แต่คาดว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการ และนำไปขยายผลเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย เพื่อต้องการให้นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีต แต่ไปพาดพิงกับองค์กรและสถาบัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับสังคม เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม กับสถานที่ราชการ หรือองค์กรต่างๆ เป็นการยั่วยุให้เกิดความแตกแยก หวาดระแวง และไม่เชื่อมั่นกัน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์โดยรวมของประเทศที่กำลังเผชิญอยู่
หากมองว่า เป็นการ “ตามหาความจริง” ก็สามารถค้นหาความจริงจากความคืบหน้าของคดี ที่มีกระบวนการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้วที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตามหลักฐานและข้อเท็จจริง ซึ่งก็ไม่ได้ปกปิดอะไร หลายคดีก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรม บางคดีก็ได้รับการตัดสินไปแล้ว
การกระทำเช่นนี้มองว่าเป็นการแสดงออกและมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝง ของคนกลุ่มนั้นๆ มุ่งหวังให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบัน และองค์กร ซึ่งฝ่ายความมั่นคงกำลังติดตามพิจารณาทางกฎหมายอยู่ เพื่อตามหาผู้กระทำผิด และก็คงจะไม่ยากเกินไป
“พล.ต.คงชีพ” ยืนยันว่า การแสดงออกสามารถทำได้ แต่ไม่ควรยั่วยุ ทำให้สังคมแตกแยก ต้องย้อนถามกลุ่มที่ดำเนินการเรื่องนี้ ว่ามีวัตถุประสงค์อะไร ขณะนี้ขอพิจารณาในข้อกฎหมาย ว่า สามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างต่อผู้ที่ดำเนินการดังกล่าว เพราะกระทำต่อที่สาธารณะ และอาจทำให้ผู้พบเห็นเกิดความเข้าใจผิด ก็ทำให้เกิดความเสียหายแก่องค์กรนั้นได้
เรื่องนี้เป็นกระแสสังคมโซเชียลฯ ที่มีทั้งฝ่ายกองเชียร์และฝ่ายไม่เห็นด้วย นานาจิตตัง ความจริงในเรื่องนี้อันที่จริงก็ถกเถียงกันมานาน ซึ่งในกระบวนการยุติธรรมก็ต้องรอพิสูจน์กันไป
แต่ที่สังคมไม่เข้าใจคือ กทม. มีทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเคอร์ฟิว ฝ่ายความมั่นคง ปล่อยให้มีเหตุแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
** ถามใจคนไทยก่อนตอบแบบสอมถาม “โพลลุงตู่” อยากปลดล็อกดาวน์ คืนเสรีภาพแล้วให้โควิด-19 กลับมาระบาดใหม่เหมือนเกาหลีใต้ สิงคโปร์ หรือเอาให้สะเด็ดน้ำ !!
กรณี “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าศูนย์ “ศบค.” มีคำสั่งให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน หลังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มากว่า 1 เดือน เพื่อดูผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชน รวมถึงขอความคิดเห็นว่า เห็นควรให้ “คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” หรือ “ยกเลิก” เพื่อเป็นแนวทางให้ ศบค.ตัดสินใจ
แม้รายละเอียดของแบบสอบถามจะยังไม่ออกมาให้เห็น แต่แน่นอนว่าหลักใหญ่ใจความอยู่ที่ว่า จะให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้ก่อน หรือให้ยกเลิก!!
พลันที่มีข่าวดังกล่าวออกมา ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ...
ในมุมมอบของบุคลากรทางการแพทย์ เห็นว่า การประกาศ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” และมาตรการ “เคอร์ฟิว” แม้จะกระทบกับสิทธิ เสรีภาพ และวิถีชีวิตตามปกติของประชาชนบ้าง แต่รัฐบาลก็ใช้อำนาจอย่างจำกัดเท่าที่จำเป็น เน้นเพื่อลดการมั่วสุม ชุมนุม การอยู่รวมกันของคนหมู่มาก อันเป็นปัจจัยสำคัญในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนสามารถลดการติดเชื้อลงไปได้ในระดับที่น่าพอใจ ...
แต่สถานการณ์ขณะนี้ ยังถือว่ามีความจำเป็นที่ต้องคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้ก่อน เพราะถ้ายกเลิก ก็เหมือน “การ์ดตก” ... หากเกิดการระบาดรอบใหม่ขึ้นมา ก็จะออกมาตรการเพื่อควบคุมโรคได้ไม่ทันท่วงที และเชื่อว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะยกเลิกอยู่แล้ว หากสถานการณ์คลี่คลายจนถึงขั้นที่วางใจได้ว่า จะไม่มีการระบาดรอบใหม่กลับมาอีก...เพราะตัวอย่างในต่างประเทศก็มีให้เห็นแล้ว อย่างที่ “เกาหลีใต้ และ สิงคโปร์” ที่กำลังกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง
แน่นอนว่า ในมุมมองของนักเคลื่อนไหว ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะขั้วตรงข้ามกับรัฐบาล ย่อมเห็นว่า การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ การใช้อำนาจ “เผด็จการ” ที่จำกัดสิทธิ เสรีภาพประชาชน... กว่าเดือนเศษที่ผ่านมา ประชาชนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ต้องตกงาน ต้องหยุดการทำมาค้าขาย แม้รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาเดือนละ 5,000 บาท แต่ก็ไม่ทั่วถึง เศรษฐกิจของชาติเสียหายอย่างหนัก ... จำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงนั้น เป็นเพราะความร่วมมือของประชาชน ที่รู้จักป้องกันตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ประกอบกับการทุ่มเทของบุคลากรทางการแพทย์ และระบบสาธารณสุขที่ดีของประเทศ...ไม่ใช่ลดลงเพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้นต้องเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยด่วน ไม่ต้องไปทำโพลให้เสียเวลา !!
ยิ่งให้ กอ.รมน. ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาลนี้ มาเป็นเจ้าภาพในการทำโพล ก็เท่ากับเป็นเพียงการซื้อเวลา กลบปัญหาการเยียวยาที่ล้มเหลว กลบปัญหาเศรษฐกิจ และยังมีวาระซ่อนเร้นในการสกัดกั้น “แฟลชม็อบ” ที่จะออกมาป่วนรัฐบาลหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย... เฉพาะอย่างยิ่ง วันที่ 19 พ.ค.นี้ เป็นวันครบรอบ 10 ปีการสลายการชุมนุมทางการเมือง ที่ราชประสงค์ เมื่อปี 2553 อาจมีการจัดกิจกรรมแสดงออกทางการเมือง ทำให้ผู้มีอำนาจในรัฐบาลเกิดความกังวลใจ จนต้องหาทางคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้ก่อน โดยเตรียมเอาผลโพล กอ.รมน. ซึ่งก็รู้กันอยู่แล้วว่าจะออกมาอย่างไร มาเป็นข้ออ้าง
หากรัฐบาลต้องการทำโพลให้ผลออกมาเป็นที่ยอมรับ ก็ควรให้สถาบันทางวิชาการที่มีมาตรฐาน โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นผู้ดำเนินการจะดีกว่า
ท่ามกลางข้อถกเถียงและมุมมองที่เห็นต่าง ระหว่างสองฝ่ายนั้น “นันทิวัฒน์ สามารถ” อดีต รอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ก็ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นข้อคิดสำหรับคนไทย ก่อนตอบแบบสอบถาม “โพลลุงตู่” ว่า... ฝ่ายนักเคลื่อนไหวและนักการเมือง พยายามพูดมาตลอดว่า การเอาชนะโควิด-19 ของไทย เป็นความเก่งของทีมหมอ ไม่ใช่ผลงาน “ลุงตู่” ไม่ใช่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการใช้ “เคอร์ฟิว” เป็นการจำกัดเสรีภาพของประชาชน ...แกนนำ นปช. บางคนถึงกับบอกว่า คนไทยสามารถอยู่กับโควิด-19ได้ แต่ทนหิวไม่ได้ แถมท้ายว่าคนจนพร้อมลงถนน เรียกร้องให้เลิกการล็อกดาวน์
ความเห็นของนักเคลื่อนไหว นักการเมือง ที่ให้ “เลิกล็อกดาวน์” คืนเสรีภาพในการเคลื่อนไหว ทำให้นึกถึงภาพของทีมหมอ และพยาบาลรัฐมิชิแกน สหรัฐฯ ที่ถือป้ายประท้วงคนที่ชุมนุมเดินขบวน เรียกร้องเลิกล็อกดาวน์ ...สงสัยอยากให้ไทยเป็นแบบสหรัฐฯ ที่มีคนป่วยคนตายเพราะโควิด-19 มากๆ ...ที่มีคนเรียกร้องเสรีภาพ ถือปืนออกมายึดที่ทำการรัฐ
“ลุงตู่” ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อปลายเดือน มี.ค. และต้องยอมรับความจริงว่า การบริหารประเทศในภาวะวิกฤต การจัดการแบบรวมศูนย์สั่งการ ข้อมูลพร้อม มีเอกภาพ มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารเชิงพื้นที่ ด้วยวิธีการนี้ ไทยถึงได้รับการชื่นชมยกย่องจากทั่วโลก
ในทางกลับกัน หาก “ลุงตู่” พลาด คนติดเชื้อเยอะ คนตายมาก ป่านนี้ลุงตู่ถูกรุมถล่มจากประชาชนแล้ว ไม่ต้องรอนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหวหรอก...
ต้องถามใจคนไทยที่จะกรอกแบบสอบถามสำรวจความคิดเห็นที่เผยแพร่ส่งต่อๆ กันในไลน์ ว่าคิดอย่างไร อยากเห็นประเทศไทยไปทางไหน … คืนเสรีภาพ ปลดล็อกดาวน์ ธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการเหมือนเดิม หากเชื้อโรคกลับมาระบาดใหม่ ค่อยว่ากันใหม่ หรือล็อกครั้งเดียวเอาให้สะเด็ดน้ำ อย่าลักปิดลักเปิด เจ็บตัวหลายที ... ตอนนี้คนไทยเคยชินกับ New Normal แล้ว