xs
xsm
sm
md
lg

ศบค.เผยไทยติดเชื้อโควิด-19 4 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน จ่อทดลองเปิดห้าง-กิจการใหญ่ หากป่วยไม่พุ่ง 17 พ.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศบค. เผย ไทยติดเชื้อใหม่ 4 ราย ยอดตายเพิ่ม 1 ราย ขณะทั่วโลกสะสมแตะ 4 ล้าน จ่อทดลองเปิดห้าง 14-15 พ.ค.ก่อนคลายล็อกระยะ 2 “ศธ.” ย้ำพร้อมเปิดเทอม 1 ก.ค.

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 9 พ.ค. ว่า วันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 3,004 ราย สำหรับผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย รายที่ 1 เป็นผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 36 ปี ภูมิลำเนา กทม. เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ รายที่ 2 หญิงไทยอายุ 28 ปี เป็นพนักงานห้างใน จ.ภูเก็ต ขณะนี้เดินทางกลับภูมิลำเนา จ.ปราจีนบุรี ส่วนรายที่ 3 และ 4 เป็นหญิงไทยอายุ 41 และชายไทยอายุ 44 ปี มาจากการค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ จ.ยะลา มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย ขณะที่ผู้หายป่วยแล้วรวม 2,787 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 56 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นชายไทยอายุ 68 ปี ทำธุรกิจส่วนตัว อยู่ใน กทม. มีอาการไข้ปวดกล้ามเนื้อในวันที่ 19 มี.ค. เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 วันที่ 22 มี.ค. จากนั้นมีภาวะแทรกซ้อนติดเชื้อในกระแสโลหิตและไตวายเสียชีวิตวันที่ 9 พ.ค.

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โลกวันนี้ ยอดผู้ติดเชื้อแตะ 4 ล้านราย โดยมียอดสะสมอยู่ที่ 4,012,848 ราย ยอดเสียชีวิต 276,216 ราย ส่วนผู้ที่จะเดินทางกลับมาประเทศไทยวันที่ 10 พ.ค. จะมี 3 เที่ยวบิน จากไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น วันที่ 11 พ.ค. มี 4 เที่ยวบิน จากอินเดีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และ เกาหลีใต้ วันที่ 12 พ.ค. 3 เที่ยวบิน สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และ ภูฏาน โดยยอดรวมผู้เข้าสถานที่กักกันของรัฐระหว่างวันที่ 3 เม.ย.- 8 พ.ค.อยู่ที่ 15,069 ราย กลับบ้านแล้ว 5,661 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผลปฏิบัติการด้านความมั่นคง คืนวันที่ 8 พ.ค. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 9 พ.ค. มีผู้ออกนอกเคหสถาน 603 ราย น้อยกว่าคืนก่อน 7 ราย ชุมนุมมั่วสุม 58 ราย น้อยกว่าคืนก่อน 68 ราย จึงขอให้ประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือ เราจะได้มีพื้นที่ปลอดภัยกันมากขึ้น สำหรับการตรวจสอบกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย ในวันที่ 8 พ.ค.มีการสำรวจทั้งสิ้น 16,024 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการ 15,632 แห่ง ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 392 แห่ง คิดเป็น 2.45 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งลดลงมาจากคืนก่อน

เมื่อถามว่า กระบวนการรับฟังความคิดเห็นถึงมาตรการคลายล็อกระยะที่ 2 ที่ตามไทม์ไลน์ระบุจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8-12 พ.ค.มีความคืบหน้าอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ระบุไทม์ไลน์จะรับฟังความคิดเห็นวันที่ 8-12 พ.ค.จากนั้นวันที่ 13 พ.ค.จะมีการประเมินผลการผ่อนคลายระยะที่ 1 วันที่ 14-15 พ.ค.จะมีการยกร่างข้อกำหนดการผ่อนคลายระยะที่ 2 ซึ่งการประชุม ศบค.ชุดเล็กคร่าวๆ ในวันนี้ มีการยกร่างขึ้นมาโดยการหากลุ่มตัวอย่างพื้นที่ที่จะทดลองเปิด เช่น ถ้าเป็นห้างสรรพสินค้า จะหาพื้นที่หนึ่งในการทดลองเปิด โดยจะมีมาตรการในห้าง ประชาชนเข้ามาจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร จะมีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง จะศึกษาให้ดีในช่วงวันที่ 14-15 พ.ค.นี้ ในการทดลอง แล้วประเมินผลในวันที่ 16 พ.ค. ถ้าประเมินผลแล้วผ่านได้ วันที่ 17 พ.ค.จะมีการประกาศเริ่มในระยะที่ 2 แต่ทั้งนี้ การลงไปในรายละเอียดมีอีกมาก ซึ่งทาง ศบค.จะพูดคุยทั้งหน่วยงานด้านสาธารณสุข ความมั่นคง รวมถึงภาคเอกชนต้องมาหารือกัน และภาคเอกชนต้องให้ความมั่นใจ และยืนยันว่า ถ้าเปิดแล้วจะไม่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ทั้งนี้ หากรายละเอียดเสร็จเรียบร้อยแล้วตนจะรีบแจ้งให้ประชาชนรับทราบโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนมีการเตรียมตัว

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกขณะนี้ดำเนินการไปแล้วกี่จังหวัด นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การค้นหาเชิงรุกทำไปแล้ว 4 จังหวัด โดยข้อมูลของกรมควบคุมโรค ใน กทม.ตรวจเชื้อไปแล้ว 3,581 ราย มีผู้ติดเชื้อ 1 คน ยะลา 3,277 รายมีผู้ติดเชื้อ 20 ราย ผู้เก็ต 2,552 ราย ผู้ติดเชื้อ 26 ราย และกระบี่ 477 ราย มีผู้ติดเชื้อ 3 ราย

นางรักขณา ตัณฑวุฑโฒ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 ก.ค.ว่า กระทรวงศึกษาธิการกำหนดปฏิทินการศึกษาให้เปิดภาคเรียนที่ 1 วันที่ 1 ก.ค. ถึง 13 พ.ย. 2563 ภาคเรียนที่ 2 วันที่ 1 ธ.ค. 2563 ถึง 9 เม.ย. 2564 โดยมีแนวทางการจัดการเรียนใ้ห้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกระดับชั้นและทุกระบบการศึกษา โดยการเรียนการสอนต้องปลอดภัย อำนวยการให้นักเรียนเข้าสู่การเรียนการสอนได้ โดยใช้สิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ให้ช่องดิจิทัลทีวี 17 ช่อง ทำให้สามารถยืนยันได้ว่า วันที่ 1 ก.ค.จะเปิดการเรียนการสอนได้อย่างแน่นอน และเราได้วางมาตรการไว้ 3 อย่างด้วยกัน คือ ออนไซด์ ออนแอร์ และ ออนไลน์ หากสถานการคลี่คลายก็เรียนปกติ ถ้าไม่ปลอดภัยก็จะเรียนทางช่องทางทีวีดาวเทียม ส่วนช่องทางออนไลน์จะใช้สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจใดๆ ของกระทรวงจะควบคู่ไปกับการสำรวจความคิดเห็น พื้นที่ใดปลอดภัยไม่ปลอดภัยคุยกันได้ และที่สำคัญ บุคลากรทางการศึกษาจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี












กำลังโหลดความคิดเห็น