เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าจะผ่านมาสามสี่วันแล้วสำหรับคำพูดหรือข้อความของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และปัจจุบันมารวมกลุ่มเคลื่อนไหวในชื่อที่เรียกตัวเองว่า “คณะก้าวหน้า” โดยวันก่อนได้กล่าวหา นายนุรักษ์ มาประณีต อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นองคมนตรีคนใหม่
โดย นายปิยบุตร พยายามสื่อให้เห็นว่า การทำงานของของนายนุรักษ์ ในตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกว่าสิบปี ได้มีการตัดสิทธิ์ทางการเมืองมานับร้อยๆ คน และวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองมามากมายเป็นสิบพรรค และต่อมาก็ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองคมนตรีคนใหม่
แน่นอนว่า สำหรับใครก็ตามหากไม่ไร้เดียงสาเกินไปนัก ก็น่าจะพอมองเจตนาออกได้ไม่ยาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล มีเจตนาต้องการสื่ออะไรออกมา แม้ว่าในทางกฎหมายแล้วคงยากที่จะสามารถเอาผิดกับเขาได้ เพราะไม่ได้สื่อออกมาแบบตรงไปตรงมา แต่สำหรับ “เจตนา” แล้วถือว่า มองออกได้ไม่ยากนัก
การหยิบยกตัวอย่างนักการเมืองบางคนที่ระบุว่า ถูก นายนุรักษ์ มาประณีต ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมวินิจฉัยให้ยุบพรรคและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เช่น นายทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงคนในครอบครัวนี้ กรณีถูกยุบพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาถึงยุคพรรคพลังประชาชน พร้อมๆ กับคณะกรรมการบริหารอีกนับร้อยคน หรือแม้แต่อีกบางคนที่มีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ เช่น กรณีของ นายสมัคร สุนทรเวช ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 267 จากการจัดรายการ “ชิมไปบ่นไป”
นายปิยบุตร ยกตัวอย่างเรื่อยมาจนถึงกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์ทางการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรค 10 ปี รวมไปถึงตัดสิทธิ์การเมือง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และให้พ้นจากการเป็น ส.ส.ก่อนหน้านั้นอีกด้วย
แน่นอนว่า หากพิจารณาแบบไม่มองที่มาที่ไปก็ต้องเข้าใจทันทีราวกับว่า นายนุรักษ์ มาประณีต คนนี้เกิดมาเพื่อที่จะ “ยุบพรรค” และ “ตัดสิทธิ์การเมือง” พวกเขาอย่างเดียว อะไรประมาณนั้น ซึ่งข้อความของนายปิยบุตร ก็คงต้องการสื่อออกมาแบบ “ตัดตอน” แบบนั้น
ขณะเดียวกัน เหมือนกับว่า มีเจตนาปลุกระดมจากกลุ่มเครือข่ายบางกลุ่มการเมืองให้เกิดความไม่พอใจ เป็นการ “กระตุกต่อม” ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น “คนรักทักษิณ” ต่อเนื่องมาจนถึงกลุ่มการเมืองที่เคยสนับสนุนอดีตพรรคอนาคตใหม่ เหล่านี้เป็นต้น
ที่ผ่านมา คนพวกนี้ไม่น้อยยังมีความเชื่อฝังหัว ว่า “ทักษิณถูกกลั่นแกล้ง” หรือ “ยิ่งลักษณ์ถูกแกล้ง” รวมไปถึงการ “สกัดธนาธรและพรรคอนาคตใหม่” โดยบางช่วงเวลายังมีการกล่าวหาลามปามไปถึง “อำมาตย์” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เพื่อต้องการสื่อ “กระทบชิ่ง” ก็มี
คราวนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าจะมองเห็นว่า เป็นการวิจารณ์ และตั้งข้อสังเกตกับการทำหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ของนายนุรักษ์ มาประณีต มานานกว่า 10 ปี ว่า ยุบพรรคไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปนับร้อยๆ คน รวมไปถึงกรณีล่าสุดก็ร่วมอยู่ในองค์คณะ ที่วินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ซึ่งในนั้นมี นายปิยบุตร รวมอยู่ด้วย หรือแม้แต่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้องพ้นจาก ส.ส. และต่อมาก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จากนั้นที่เป็น “ไฮไลต์” ก็คือ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี
มาถึงตรงนี้มันก็ยิ่งทำให้สงสัยไปอีกว่า นายปิยบุตร ต้องการสื่อสาร และมีเจตนา “กระทบชิ่ง” ไปถึง “ใคร” ขณะเดียวกัน เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ ทั้งในช่วงที่ยังเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ก่อนเข้าสู่สนามการเมืองที่เป็นเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ก็เคยมีคลิป เป็นหลักฐานจากคำพูดหมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยยอมรับตรงๆ โดยอ้างว่าเป็นบทบาทก่อนเป็นนักการเมือง
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในฐานะ ส.ส. เขาก็เคยอภิปรายในสภาฯ คัดค้านอย่างเต็มที่ในร่างพระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพไปเป็นหน่วยราชการบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งคราวนั้นมีเพียงเขาและพรรคอนาคตใหม่เกือบทั้งพรรค ที่โหวตค้าน เพราะแม้ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านแทบทุกคนก็โหวตเห็นด้วย
นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่ต้องพิจารณากันแบบทำความเข้าใจกัน ก็คือ การยุบพรรคและการตัดสิทธิ์ทางการเมืองใครก็ตาม มันก็ย่อมมีที่มาที่ไป ต้องมีหลักฐานความผิดชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกรณียุบพรรคไทยรักไทย เรื่อยมาจนถึงการยุบพรรคอนาคตใหม่ รวมไปถึงการตัดสิทธิ์การเมืองของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งหากพิจารณาข้อเท็จจริงที่เพิ่งผ่านไป กรณีของการยุบพรรคอนาคตใหม่ ก็มาจากกรณีเงินกู้ “แบบอัฐยายซื้อขนมยาย” และสาเหตุก็เกิดจากความ “พลาด” หรือความ “อ่อนด้อย” แบบมือสมัครเล่นของ “กุนซือทางกฎหมาย” ซึ่งก็คือ นายปิยบุตร เองนั่นแหละ ที่พาเข้ารกเข้าพง
และการที่ นายธนาธร ต้องหมดอนาคตทางการเมือง หรือบรรดาผู้สนับสนุนหากจะโกรธแค้น ก็ต้องแค้นนายปิยบุตร เสียมากกว่า เพราะเหมือนกับอ่อนหัด แต่ยังดันทุรัง เชื่อในแบบที่ตัวเองคิดเอง สรุปกันเอง แล้วก็พากัน“ตายหมู่”ซึ่งก็คงโทษใครไม่ได้ นอกจากต้องเจ็บใจตัวเอง ตีอกชกหัวตัวเองมากกว่า
แต่นาทีนี้หากพิจารณาจากอารมณ์ของนายปิยบุตร นอกจากต้องการระบายแค้นแล้ว ยังทำให้เข้าใจราวกับว่ามีเจตนา “ปลุกระดม” หวังผลจากบางกลุ่มการเมือง และยังหวัง “กระทบชิ่ง” จาบจ้วง เพื่อสนองความรู้สึกภายในของตัวเองหรือเปล่า !!