“เศรษฐพงค์” รองประธาน กมธ.ดีอีเอส สภาฯ ห่วงโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ กระทบการเข้าถึง “การศึกษา-ศก.-สาธารณสุข” ที่ไม่เท่าเทียม จี้ “กสทช.” ติดตามโครงสาร “USO net” ให้ครอบคลุมมีคุณภาพ ชี้ ปชช.ต้องได้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงฟรีในระดับหนึ่ง ย้ำ กสทช.ต้องวางแผนระยะ 3-5 ปี วางโครงข่ายให้เข้าถึงคนทั้งประเทศ
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย และรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคม ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวแสดงความเป็นห่วงประเด็นความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชาชนว่า เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิถีชีวิตของผู้คนเริ่มเปลี่ยนไปเพราะภัยคุกคามของโลกเปลี่ยนแปลงไป และประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ประเด็นก็คือคนในเมืองปรับตัวเข้าหาการทำงานด้วยระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมากขึ้น นักเรียนและนักศึกษาก็ปรับตัวที่จะเข้าสู่การเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งอินเทอร์เน็ตก็จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานของชีวิต แต่คนในต่างจังหวัดหรือชนบทยังไม่ได้รับบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างเท่าเทียม และอาจจะยังไม่สามารถปรับตัวเข้าหาความรู้และการทำงานรูปแบบใหม่ได้ นี่เองที่จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของสังคมมากขึ้น
“ผมเชื่อว่าตอนนี้กลุ่มคนที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีไม่เกิน 50% ของประชากรของประเทศไทย แต่ที่เหลือเป็นเพียงอินเทอร์เน็ตธรรมดา ก็คือจะไม่เรียลไทม์ เข้าถึงข้อมูลได้ช้า ทำให้ต้องกลับมาดูการเตรียมการในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพราะเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก และผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสทั้งหลาย หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านภัยคุกคามรูปแบบใหม่ก็พูดในทิศทางเดียวกันว่าไม่ใช่เรื่องโรคภัยอย่างเดียว แต่น่าจะมีเรื่องสภาวะอากาศและสภาวะที่แปลกใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ภาครัฐจึงต้องกลับมาดูว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้พวกเรายังมีชีวิตที่สามารถดำเนินต่อไปในระบบเศรษฐกิจใหม่ได้อย่างไร” พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าว
พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าวอีกว่า โครงสร้างพื้นฐานทางอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงขณะนี้ ถือว่ายังไม่ครอบคลุม แม้โทรศัพท์มือถือจะครอบคลุมเกิน 90% ของจำนวนประชากร แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ เพราะแม้จะเข้าถึงได้ แต่ก็อาจจะไม่มีเงินมาจ่ายค่าอินเทอร์เน็ต เพราะอินเทอร์เน็ตยิ่งเร็วก็ยิ่งแพง แม้แต่ค่าน้ำค่าไฟยังเป็นปัญหา แต่อินเทอร์เน็ตก็จะเหมือนค่าน้ำค่าไฟเข้าไปทุกวันแล้ว ภาครัฐจึงต้องเตรียมการ อินเทอร์เน็ตเป็นโครงสร้างพื้นฐานปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ไม่สามารถคิดเงินได้ในราคาแพงแล้ว ทุกคนต้องมีสิทธิเข้าถึงในระดับหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเลยด้วยซ้ำ ถ้าเกินความจำเป็นจึงค่อยเสียเงินเอง และต้องกลับมาดูว่าอินเทอร์เน็ตตามตำบลตามโรงเรียนต่างๆ โดยเฉพาะนอกเมืองตามจังหวัดต่างๆ ครอบคลุมหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่ครอบคลุม
“ทางกรรมาธิการดีอีเอส สภาฯ ดูแลและสนับสนุนและติดตามตรวจสอบการทำงานของสำนักงาน กสทช.อยู่เสมอ ซึ่งพบว่า มีโครงการที่จำเป็นเร่งด่วนและต้องผลักดันในเรื่องงบประมาณให้ครอบคลุมทั่วประเทศ คือ ศูนย์ USO NET หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในชุมชนต่างๆ ซึ่งเราให้ความสำคัญเป็นอย่างมากและคิดว่า ภาครัฐจะต้องมาช่วยสนับสนุนส่งเสริมในเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น เพราะอนาคตเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงมากกว่าวันนี้ คือโรงเรียนที่เข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นว่า นักเรียนจะเทียบชั้นการสอบในข้อสอบเดียวกันไม่ได้ เพราะนักเรียนในเมืองมีโอกาสมากกว่า และนี่เองจึงทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทั้งด้านการศึกษา การทำงานในชีวิตประจำวันรวมถึง Telemedicine และการศึกษาทางไกล” พ.อ.เศรษฐพงค์ระบุ
พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าวย้ำด้วยว่า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง แทบจะใกล้เคียงปัจจัย 4 เข้าทุกวัน แทบจะเป็นปัจจัยที่ห้าแล้ว ซึ่งอินเทอร์เน็ตในชุมชนขณะนี้ ความเร็วยังไม่เพียงพอและครอบคลุมได้ทุกที ยังไปไม่ครบโรงเรียนอยู่ทุกชุมชน จำนวนหมู่บ้านที่มีอยู่กว่า 40,000 กว่าหมู่บ้าน ตอนนี้ที่ทำอยู่ก็ยังไม่ครบ จึงมองว่าทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งมีกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เป็นกองทุนที่พัฒนาส่งเสริมเรื่องของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จะต้องมากำหนดในเรื่องของโครงการต่างๆ ในอนาคตที่จะต้องเร่งดำเนินการ
พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าวว่า กสทช.ต้องมองแผนระยะ 3-5 ปี ว่าจะทำอย่างไรให้ครอบคลุมทั้งประเทศและให้มีคุณภาพใกล้เคียงกัน และที่สำคัญคือต้องใช้ได้ฟรีในระดับหนึ่งด้วย ไม่ใช่มีแล้วต้องไปจ่ายเงินเองประชาชนทั่วไปรวมถึงนักเรียนตามชนบทคงจ่ายเองไม่ไหว ทั้งนี้ ทราบว่า กสทช.ก็สนับสนุนเงินงบประมาณในส่วนของการเข้าถึงเช่นกัน เชื่อว่าต้องมีการเตรียมการ เนื่องจากงบประมาณเหล่านี้มาจากการเก็บเงินค่าธรรมเนียมจากโอเปอเรเตอร์หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รู้จักกันดี จากนั้นก็นำเงินเหล่านั้นมาคืนสู่ประชาชน เชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง จึงอยากเรียกร้องให้สังคมหันมาดูความจำเป็นในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้กรรมาธิการดีอีเอสก็จะติดตามโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อทำให้สามารถเกิดได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ