โฆษก ศบค.แถลง ผู้ป่วยใหม่ต่ำสิบ 2 วันต่อเนื่อง เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ชี้เบาใจไม่ได้ต้องเข้มงวดต่อ เว้นระยะห่าง เดินวิถีชีวิตแบบใหม่ หลัง 2 สัปดาห์ยอดพุ่ง 151 ราย ทั่วโลกติดเชื้อทะลุ 3 ล้าน
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ต่ำสิบเป็นวันที่สอง โดยมี 7 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,938 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 43 ราย หายป่วยสะสม 2,652 ราย เสียชีวิตเพิ่มเติม 2 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 54 ราย โดยรายที่ 53 เป็นชายไทย อายุ 52 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้จากการไปประชุมสัมมนาเมื่อวันที่ 19 มี.ค. เริ่มมีอาการวันที่ 21 มี.ค. และเข้าตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม.ผลตรวจยืนยันเป็นโควิด-19 ต่อมาวันที่ 30 มี.ค.อาการแย่ลง ปอดรั่ว ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตในวันที่ 27 เม.ย.ด้วยระบบหายใจล้มเหลวและไตวายเฉียบพลัน รายที่ 54 เป็นหญิงไทย อายุ 63 ปี เป็นเจ้าของร้านอาหาร มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยในครอบครัว สามีและหลานสาวเป็นผู้ป่วยยืนยัน มีอาการป่วยวันที่ 24 มี.ค. ไข้ ปวดศีรษะ จึงเข้ารักษาตัวที่คลีนิกแห่งหนึ่ง แต่อาการไม่ดีขึ้น จากนั้นวันที่ 1 เม.ย.เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต ผลตรวจยืนยันเป็นโควิด-19 จากนั้นอาการแย่ลง แพทย์ใช้เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตวันที่ 27 เม.ย. ปอดอักเสบติดเชื้อ ระบบหายใจล้มเหลว โดยผู้เสียชีวิตเป็นผู้ป่วยสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ทั้งคู่ อีกทั้งข้อมูลการติดเชื้อในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มที่พบมากสุดคือ สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้ามีถึง 151 คน จึงต้องให้ความสำคัญ รักษาระยะห่างแม้เป็นคนในครอบครัว ใครเป็นญาติต้องป้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องทำให้เป็นวิถีชีวิตใหม่ ตอนนี้ต้องระวังเพราะทุกคนมีโอกาสติดเชื้อทั้งสิ้น ทั้งนี้ การมีผู้ป่วยต่ำสิบเป็นวันที่สองติดต่อกันมีไม่กี่ประเทศในโลกที่จะเห็นภาพการติดเชื้อจำนวนน้อย แต่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทำให้ภาคภูมิใจและให้กำลังใจในการรักษาระยะห่าง รักษาตัวให้ดีต่อไป การ์ดอย่าตก วันนี้เราทำได้เป็นผลมาจากพฤติกรรมเมื่อ 7-14 วันที่แล้ว แต่พฤติกรรมวันนี้จะปรากฎผลใน 7-14 วันข้างหน้า ถ้าทำไม่ได้ตัวเลขเพิ่มขึ้นแน่ๆ ขอแรงทุกคนยังต้องป้องกันตัวสม่ำเสมอ เข้มงวดอยางนี้ตลอด เราจะได้อยู่รอดปลอดภัยทุกคน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย มาจาก กทม.3 ราย นครราชสีมา 1 ราย ภูเก็ต 3 ราย ในจำนวนนี้ 5 รายสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 1 รายซึ่งเป็นชาวจีน และอีก 1 รายติดเชื้อจากการไปร่วมงานในพื้นที่แออัดใน กทม. ส่วนที่มีคำถามว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อใน กทม.เมื่อวันที่ 27 เม.ย.เป็นศูนย์และวันที่ 28 เม.ย.มี 3 ราย แม้ผู้ออกมาใช้ชีวิตมากขึ้นแต่ตัวเลขลดลง จะนำมาซึ่งมาตรการคลายล็อกได้หรือไม่นั้น เราต้องชื่นชม แต่เบาใจไม่ได้ เพราะวันนี้ก็มีผู้ป่วยเพิ่ม 3 ราย เราต้องค้นหาให้ได้มากที่สุด จะเบาใจใช้ชีวิตเหมือนเดิมยังไม่ได้จนกว่าจะมีวัคซีนและยารักษาโรค ต้องเข้มข้นควบคุมตัวให้ดีต่อไป สำหรับข้อมูลของผู้ป่วยตั้งแต่เดือน ม.ค.-26 เม.ย.พบว่า มีผู้ป่วยสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 328 ราย หรือ 11% ของผู้ป่วยทั้งหมด ในจำนวนนี้เสียชีวิตถึง 21 ราย เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และปัจจัยเสี่ยงทำให้คนเหล่านี้ติดเชื้อคือ พิธีทางศาสนา รองลงมาคือ เกี่ยวกับสนามมวยและผู้ป่วยยืนยัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โลก เป็นวันแรกที่มีผู้ป่วยแตะ 3 ล้านคน โดยมี 3,065,374 ราย เสียชีวิต 211,606 ราย สหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุด ส่วนเอเชีย สิงคโปร์มีผู้ป่วยเพิ่มเติม 799 ราย ญี่ปุ่น 884 ราย ส่วนในวันที่ 28 เม.ย.จะมีคนไทยกลับจากสเปน 12 ราย อินเดีย 189 ราย และวันที่ 29 เม.ย. อินเดีย 189 ราย ขณะที่ยอดรวมผู้เดินทางกลับประเทศไทยทางเครื่องบินระหว่างที่ 4-27 เม.ย. มี 2,769 ราย โดยกลับมาจาก 21 ประเทศ
ขณะที่ผลการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงในช่วงประกาศเคอร์ฟิวคืนวันที่ 27 เม.ย.ต่อเนื่องเช้าวันที่ 28 เม.ย. มีผู้ฝ่าฝืนชุมนุมมั่วสุม 143 ราย เพิ่มขึ้นจากคืนก่อน 84 ราย ออกจากเคหะสถาน 461 คน เพิ่มขึ้นจากคืนก่อน 12 คน
เมื่อถามว่า กรณีขยายประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งคงมาตรการการชะลอการเข้าประเทศ ทำให้คนไทยที่ซื้อตั๋วแล้วได้รับผลกระทบรัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขออภัยในความไม่สะดวก แต่เป็นมาตรการการป้องกันการแพร่เชื้อที่ทั่วโลกทำกัน ถ้าใครมีภารกิจจำเป็นเร่งด่วนสามารถติดต่อไปที่สถานกงสุลและสถานทูตไทยประจำประเทศต่างๆ
เมื่อถามว่า กระทรวงสาธารณสุขจะออกข้อบังคับให้ร้านค้าต่างๆ ปฏิบัติตามมาตรการหลังมีการผ่อนปรนหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เรามีอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ข้อ 11 มีมาตรการป้องกันโรค ซึ่งถือเป็นมาตรฐานกลางที่ทุกคนต้องทำและใช้ในการปฏิบัติ
เมื่อถามว่า การเปิดร้านค้า แม้ไม่มีการกำหนด ตั้งข้อสงสัยว่าการขอความร่วมมือ เปลี่ยนให้ สาธารณสุขออกข้องคับให้สถานต้องทำตาม กล่าวา มีอยู่แล้วในการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีเรื่อง 11 มาตรการป้องกันโรค ถือเป็นมาตรฐานกลางที่ทุกท่านต้องทำ เพื่อใช้ในการปฏิบัติ