ผบ.ทบ.นำคณะตรวจติดตามรับคนไทยกลับจากมาเลเซีย ย้ำตรวจเข้มช่องทางธรรมชาติ ไม่ให้ลักลอบเข้าโดยไม่ได้คัดกรองโควิด-19 ทภ.4 เผยคนไทยลักลอบหนีเข้ามาจำนวนมาก กักตัว 14 วัน
วันนี้ (21 เม.ย.) ที่บริเวณพรมแดนไทย-มาเลเซีย พื้นที่ท่าบ่อดิน บ้านตันหยงมะลิ ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เดินทางลงพื้นที่ตรวจติดตามการรับคนไทยจากประเทศมาเลเซียกลับเข้าประเทศ ภายหลังมีการเปิดด่านตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา พบว่ามีคนไทยแอบลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดนจังหวัดนราธิวาสจำนวนมาก
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้พบปะพูดคุยพร้อมเน้นย้ำให้กองกำลังป้องกันตามแนวชายแดน ตรวจคุมเข้มช่องทาง ท่าข้ามธรรมชาติตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรค COVID-19 โดยมี พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ร่วมคณะติดตาม และร่วมประชุมหารือที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ค่ายกัลยาณิวัฒนา อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส โดยผู้บัญชาการทหารบกได้เข้ารับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญและแผนการปฏิบัติในพื้นที่ป่าภูเขา รวมไปถึงการสรุปแผนป้องกันป่าไม้ในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะที่ภาพรวมการดูแลคนไทยกลับเข้าประเทศตามด่านชายแดนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า “ขอให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน กำลังพลทุกนายที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การดูแลพื้นที่ตามแนวชายแดนตั้งแต่ จ.สตูล ถึง จ.นราธิวาส ซึ่งมีสภาพเป็นพื้นที่ป่า ภูเขา และลำน้ำ ทำให้มีช่องทางธรรมชาติที่สามารถลักลอบเข้ามาได้โดยตลอด ก็ได้เน้นย้ำให้กองกำลังป้องกันแนวชายแดนได้ตรวจตรา ลาดตระเวน คุมเข้มตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกัน สกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบใช้ช่องทางเหล่านี้ข้ามเข้ามาได้ และหลังจากได้มาดูพื้นที่ก็จะให้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เสริมไฟส่องสว่างมาติดตั้งตลอดแนวริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก เพื่อไม่ให้เข้ามาได้โดยสะดวก ส่วนการดูแลคนไทยที่เดินทางกลับเข้ามา ณ ขณะนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว โดยได้อำนวยความสะดวกให้กับคนไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยคนที่เข้ามาจะต้องได้รับการดูแลและเข้าระบบตามศูนย์ Local Quarantine รวมทั้งต้องผ่านระบบคัดกรองโรคของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทหารได้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนข้ามกลับเข้ามา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องตรวจสอบข้อมูลประวัติอาชญากรรม ตรวจสอบที่อยู่จริง การพิสูจน์ทราบการมีตัวตนของผู้ที่เข้ามา เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ที่ต้องทำควบคู่กันไปทั้งนี้ตลอด 4 วันที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสในการบูรณาการการทำงานร่วมกัน”
ด้าน พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นก็ถือว่ายังคงมีความรุนแรง สืบเนื่องจากการเดินทางกลับเข้าประเทศของกลุ่มที่ไปปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศเพื่อนบ้าน จนเกิดการแพร่ระบาดกระจายในครอบครัว และภายในกลุ่มผู้ปฏิบัติศาสนกิจกันเอง และเมื่อ 3 วันที่ผ่านมายังได้มีคนไทยที่ทำงานในมาเลเซียเดินทางกลับมาเป็นจำนวนมาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เสริมกำลังในการเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการหลบหนีเข้าเมือง โดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดวิธีมาตรการในการรองรับไว้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ามาถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคและกักกันตัวไม่ให้หลุดรอดไปได้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ สำหรับในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้าน ได้จัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนลงพื้นที่สร้างความเข้าใจในการป้องกันการแพร่ระบาด นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ตลอดจนภาคเอกชน จัดทำถุงยังชีพแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนในขั้นต้น แล้วกว่า 10,000 ชุด”
ทั้งนี้ ตั้งแต่มีการเปิดให้คนไทยเดินทางกลับเข้ามาตั้งแต่ วันที่ 18-20 เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้มีคนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ไปทำงานในประเทศมาเลเซียเดินทางเข้ามาทางด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก แล้วกว่า 832 คน เป็นแรงงานที่ถูกกฎหมาย จำนวน 157 คน และลักลอบหนีเข้ามาอีกกว่า 672 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 21 เม.ย.เวลา 13.00 น.) โดยทุกคนเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคของกระทรวงสาธารณสุข และเข้ากักกันตัวยังศูนย์ Local Quarantine ของแต่ละพื้นที่เป็นเวลา 14 วัน