กองทัพเรือพร้อมปรับลดงบประมาณร้อยละ 33 เป็นเงินกว่า 4,100 ล้านบาท เพื่อโอนเข้างบกลางให้รัฐบาลใช้ฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลต้องชะลอซื้อเรือลำดำน้ำลำที่ 2-3 พร้อมโครงการสร้างท่าจอด-ซ่อมบำรุงเรือดำน้ำ และโครงการจัดหายุทโธปกรณ์อีกหลายโครงการออกไปก่อน
วันนี้ (18 เม.ย.) พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ และ โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณีรัฐบาลให้ส่วนราชการปรับลดงบประมาณ เพื่อนำไปจัดทำร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ...ไปเป็นงบกลาง เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนในการแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 รวมทั้งกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจําเป็นอื่นของรัฐบาล ว่า ความพยายามในการบริหารจัดการงบประมาณของกองทัพเรือ ตามที่รัฐบาลสั่งการ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรง ทร.และคณะทำงานทุกฝ่ายในกองทัพเรือเร่งหาข้อยุติในการร่วมสนับสนุน นโยบายของทางรัฐบาล โดยยึดหลักการตามความจำเป็นของประเทศชาติ ต่อการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 เป็นประการแรก
ภายหลังการหารือร่วมของทุกฝ่าย โดยมี พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ เป็นประธาน จึงได้ข้อสรุปที่นำเรียนขอความเห็นชอบจากผู้บัญชาการทหารเรือ แล้วตกลงใจว่า กองทัพเรือจะขอเสนอปรับลดงบประมาณลงกว่า 33% คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 4,100 กว่า ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่มากกว่าที่รัฐบาลตั้งไว้
โดยจะชะลอการดำเนินการโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 ที่แม้จะเป็นการใช้งบประมาณในส่วนของกองทัพเรือเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงบประมาณของกระทรวง ทบวง กรมอื่น แต่ประการใด แต่ก็มักจะตกเป็นเหยื่อ หรือเป็นเป้าต่อการปลุกกระแสต่อต้านไปทุกครั้ง จากความพยายามในอดีตในเชิงจิตวิทยาที่ได้ผล เพื่ออาจการไม่ต้องการให้ประเทศไทยมีกำลังทางเรือที่เท่าเทียมหรือทันยุคสมัย พอที่จะแสดงกำลังในเขตแดนทางทะเลที่ทับซ้อนกับประเทศอื่น ในการนี้จึงส่งผลให้โครงการดังกล่าวจำเป็นต้องชะลอออกไปในปีงบประมาณ 64 รวมถึงการชะลอโครงการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำฯ และ โครงการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำฯ ที่ต้องปรับลดวงเงินปีแรกลง ทำให้การเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับเรือดำน้ำลำแรกต้องล่าช้าออกไปด้วย
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการชะลอโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ที่สำคัญ อาทิ โครงการซ่อมปรับปรุง เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ, โครงการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล Network Centric, โครงการจัดหาเครื่องฝึกจำลองยุทธ์, โครงการจัดหาระบบอาวุธปืนรองฯ ตลอดจนโครงการก่อสร้างอาคารพัก 64 ครอบครัว ซึ่งแม้จะมีความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพล แต่โดยทุกโครงการก็จะต้องชะลอการดำเนินการไปตามความจำเป็น หรือจะต้องปรับลดวงเงินปีแรกลงไปก่อน
พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าวอีกว่า การที่กองทัพเรือได้เสนอขอปรับลดงบประมาณลงกว่า 33 % ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 4,100 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนนโยบายของทางรัฐบาล ในการนำเงินไปช่วยเหลือประชาชนในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ในครั้งนี้ เป็นไปโดยความมุ่งมั่นของ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ต้องการแสดงออกถึงความตั้งใจจริงที่จะนำพากองทัพเรือไปสู่ความเป็นหน่วยงานที่ประชาชนเชื่อมั่น เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการคิด และทำให้ประสบความสำเร็จในงานตามภารกิจ และที่สั่งการในทุกเรื่องอย่างแท้จริง