ข่าวปนคน คนปนข่าว
**โปรดอย่ากะพริบตา ดรามาหน้ากากอนามัย อัจฉริยะ มั่นใจในหลักฐาน - ปชป.วางเดิมพันสอบ “มัลลิกา” ไม่เคลียร์นี่ก็จบเห่
ดรามาหน้ากากอนามัยหายไปไหน ใครเอี่ยว ใครอยู่เบื้องหลังกักตุนทำกำไรบนความเดือดร้อนของประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ ยังไม่จบ และ ต้องติดตามอย่ากะพริบตาจากนี้ไป เมื่อเรื่องของแต่ละฝ่ายเดินเข้าสู่จุดต้องทุ่มสู้กันสุดตัว
ฝ่ายหนึ่ง “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อีกฝ่าย คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ และ มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ต่างฟ้องร้องคดีซึ่งกันและกัน
แว่วว่า อัจฉริยะ ประสบการณ์โชกโชนผ่านเรื่องตรวจสอบสืบสวนมานับไม่ถ้วน เป็นคดีถูกฟ้องร้องกลับมานับร้อยคดี งานนี้มีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้ง จากที่ให้สัมภาษณ์และไลฟ์สดออกเพจยืนยันพฤติกรรมตัวละครคนที่เอี่ยวขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัยอย่างหนักแน่นแล้วยังมีข้อมูลเอกสารปึกใหญ่ใส่ซองยื่นให้ตำรวจไปด้วย
เรียกว่า “มีทีเด็ดอุบไว้” โดย “อัจฉริยะ” แย้มให้ฟังว่า “มีหลักฐานพร้อมว่าใครเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากาก ข้อมูลที่มีอยู่ก็ได้จากหน่วยราชการ บริษัทต่างๆ ก็ทยอยส่งมาให้ ประชาชนก็ส่งให้ ข้อมูลทั้งหมดก็ได้มอบให้ทีมตำรวจ ที่นายกฯ ใช้ให้ตามสืบข้อมูล หรือแม้กระทั่งบางรายที่กักตุนเรามีหลักฐานเป็นใบเสร็จ มีการโอนรถหรู แถมยังเป็นคนดังมีสีด้วย”
ข้อมูลของ “อัจฉริยะ” ไม่ใช่แค่จะอยู่หยุดอยู่แค่ บก.ปอท.เพราะ เมื่อ บก.ปอท. ตรวจสอบแล้วคาดว่าจะสามารถส่งไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาต่อไปเร็วๆ นี้
ข้างฝ่าย พรรคประชาธิปัตย์ พยายามที่เร่งเคลียร์ปมนี้เช่นกัน คนใน ปชป.ก็รู้ดีหากปล่อยไว้ยืดเยื้อไม่มีคำตอบ ศรัทธาก็เสื่อมลงไปทุกวัน
เจอทั้งศึกในพรรคกันเองที่กังขา หัวหน้าพรรค และ ที่ปรึกษา และศึกนอกกดกัน สมาชิกพรรคก็เร้า “จุรินทร์” ในฐานะหัวหน้าพรรค ว่าไม่ชี้แจงเพื่อให้สังคมและสมาชิกพรรคเข้าใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นเลยหรือ?
เพราะสมาชิก ปชป.หลายคนเชื่อว่า เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ไว้วางใจพรรค ปชป. แต่คำตอบที่ได้ คือ ความนิ่งเฉยของ “จุรินทร์”
นิ่งเฉยต่อทุกความเคลื่อนไหว เช่นเดียวกับการให้ “มัลลิกา” ยังทำหน้าที่ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ที่ตัวเองแต่งตั้งมาอย่างเดิม แม้จะสมาชิกพรรคบางส่วน เสนอให้ปลด “มัลลิกา” จากตำแหน่งที่ปรึกษาไปก่อนหน้านี้ระหว่างที่มีการตั้งกรรมการมาสอบสวน แต่ “จุรินทร์” ก็ไม่ดำเนินการใดๆ
ขณะที่คณะกรรมการสอบกันเองในพรรคที่มี องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค เป็นประธานสอบ “มัลลิกา” ฟังว่า กำลังเร่งจะสอบให้เสร็จโดยเร็ว
ประเด็นของการสอบก็เพื่อจะยืนยันว่า “เจ้ติ่ง มัลลิกา” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คณะกรรมการได้เชิญเจ้าตัวมาสอบไปแล้ว ซึ่งก็ปฏิเสธตามท้องเรื่อง และยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักใคร และในชีวิตไม่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ทำธุรกิจหน้ากากอนามัย
ขณะที่ คณะกรรมการ ปชป.บอกว่า ได้พยายามขอเอกสารที่อัจฉริยะยื่นต่อตำรวจมาประกอบด้วย แต่ทาง “อัจฉริยะ” ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับ ปชป.
น่าจะเป็นที่เข้าใจได้ไม่ยากว่า ที่สุดแล้ว ผลสอบของ ปชป.จะออกมาอย่างไร โดยมีข่าวว่า คณะกรรมการจะประชุมอีกครั้ง ก็จะสามารถสรุปได้ในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า
จากนี้ไปต้องติดตามกันดีๆ พะยี่ห้อ “อัจฉริยะ” นั้นก็ไม่ธรรมดา เมื่อถูกฟ้องและฟ้องกลับ “จุรินทร์” ที่เป็นถึงหัวหน้าพรรคเก่าแก่ หากหลักฐานของ “อัจฉริยะ” เป็นที่น่าเชื่อถือได้ และเป็นข้อมูลจริง ขณะที่ผลสอบของประชาธิปัตย์สอบกันเองไม่เคลียร์ไม่กระจ่างจะส่งผลต่อพรรค ปชป.โดยตรงแน่ และเลือกตั้งครั้งหน้า ว่ากันว่า บรรดาสมาชิกพรรค ปชป.หนาวๆ ร้อนๆ ผวาจะน้ำตาตกกัน แพ้พ่ายหายไปจากสภาฯได้แบบ “จบเห่” ไปด้วยกัน
งานนี้กำลังเข้มข้นประเดี๋ยวหลักฐานทั่งหลายคงจะถูกตีแผ่ออกมาเรื่อยๆ
โปรดติดตามอย่ากะพริบตา.
**ทีม “พิธา” vs ทีม “อั้ม เนโกะ” ตบตีกันนัวกลางตลาดฝากร้านธรรมศาสตร์ หลังจาก อั๊ม โพสต์เวิร์กชอป “ต้านความรุนแรงทางเพศ” ซัดหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ตลาดนัดชุมนุมฝากร้านขายของผ่านช่องทางเฟซบุ๊กที่กำลังอินเทรนด์ในยุคโควิด ของ กลุ่ม “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน” กำลังไปได้ดีกันอยู่แท้ๆ
กลับกลายเป็นตลาดสดตบตีกันทางการเมืองไปซะงั้น เมื่อปรากฏ ศิษย์เก่า ศรัณย์ ฉุยฉาย หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อั้ม เนโกะ” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง “ตัวแรง” ที่หลบลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ เข้ามาโพสต์ข้อความเสนอขาย “เวิร์กชอปการต่อต้านความรุนแรงทางเพศในสังคม” โดยเฉพาะความรุนแรงทางครอบครัว ผ่านทรรศนะการมองโลกแบบสตรีนิยม
“อั้ม เนโกะ” ให้เหตุผลว่า เพื่อที่จะให้สังคมไทยตระหนักว่า ความรุนแรงไม่ว่าจะในหรือนอกบ้าน ล้วนเป็นความรุนแรง ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวที่คนนอกไม่ควรเข้าไปแทรกแซง เพราะผู้ใช้ความรุนแรงอาจฆ่าคนที่ตกเป็นเหยื่อได้ และความรุนแรงภายในครอบครัวนั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องการเมืองของสังคมที่ไม่เสมอภาคทางเพศ หรือสังคมชายเป็นใหญ่
“และในสถานการณ์โควิดเช่นนี้ ที่ผู้หญิงหลายๆ คนที่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง และต้องจำใจมาอยู่บ้านเดียวกันกับอดีตสามี อดีตคู่ครอง แฟน หรือพ่อของเด็ก ที่มีพฤติกรรมเลวร้ายรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจ หรือเพราะกลัวเพราะคำขู่ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้นั้นอันตรายมากๆ สำหรับเธอ ปีที่ผ่านมา ฝรั่งเศสมีผู้หญิง 126 คน ที่ถูกฆ่าตายโดยอดีตแฟน คู่ครอง สามี อันทำให้เห็นว่าปัญหาความรุนแรงในครอบครัวต่อผู้หญิงเป็นปัญหาที่สำคัญมาก คนออกมาแคมเปญกันจนเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ประท้วงกันเป็นพันเป็นหมื่นคน”
ถ้าโพสต์แค่นี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร บังเอิญที่ ถ้อยคำต่อมา “อั้ม เนโกะ” ยกตัวอย่างกรณีของไทย โดยมุ่งไปที่ “พรรคการเมืองสีส้ม”
“แล้วในสังคมไทยละคะ เราจะปล่อยให้ปัญหานี้ลอยนวล เราจะปล่อยให้คนที่ตบตีเมียมาเป็นหัวหน้าพรรคปักธงประชาธิปไตยฟอกสีส้มสวยงาม ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอคะ” อั้ม เนโกะ ระบุ
พร้อมกับข้อความ ปิดการขายว่า “สำหรับราคา แล้วแต่จะจ่าย ไม่มีก็ไม่ต้องจ่าย รับเฉพาะสำหรับผู้หญิง และ LGBTIQ+ เท่านั้น”
แต่เท่านั้นยังไม่พอ!! “อั้ม เนโกะ” ได้โพสต์ภาพของ “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตสมาชิกพรรคสีส้ม อนาคตใหม่ ซึ่งปัจจุบันเป็น หัวหน้าพรรคก้าวไกล มาเป็นภาพโฆษณาพร้อมกับกากบาทประกอบข้อความขายเวิร์กชอป
เจตนาของ “อั้ม เนโกะ” ต้องการซัด “พิธา” ตรงๆ อย่างไม่ต้องสงสัยก็เลยกลายเป็น โพสต์ “เรียกแขก” ในตลาดฝากร้านขึ้นมาพลัน
พลันนั้น ตลาดนัดโซเชียลแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ระเบิดศึกวิวาทะ “ทีมพิธา” เข้ามาปกป้องหัวหน้าพรรค ขณะที่ “ทีมอั้ม” ก็ซัดกลับ จิกกัดด่าว่าตบตีกันราวโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน
น.ส.ภาวรินทร์ รามัญวงศ์ แอดมินกลุ่ม “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน” โพสต์ประกาศไว้ก่อนนี้เหมือนจะรู้ว่า ธรรมศาสตร์และการเมืองเป็นของคู่กัน โดยเธอระบุว่า “เรื่องการเมืองเป็นเรื่องปกติค่ะ ใครอยากคุยหรือพูดจากันย่อมทำได้ แต่การพูดคุยเพื่อยั่วยุ หรือพยายามก่อให้เกิดการถกเถียงกัน นี่ไม่เห็นว่ามันจะเป็นประโยชน์อะไรกับสถานการณ์ตอนนี้ แซนไม่เคยห้ามให้พูดถึงเรื่องการเมือง เพราะรู้สึกว่าคนทุกคนควรเรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข อะไรที่เค้าโพสต์ไม่ถูกใจเรา ก็แค่ข้ามไป เราถูกใจอันไหนก็กดไลก์ไป ทำไมต้องทำให้เป็นปัญหาในสังคม ถึงเวลาเค้าให้เลือกตั้งก็ไปกาค่ะ เลือกใครรักใครไปแสดงออกในที่ที่ควรทำ แค่นั้นค่ะ กาลเทศะเป็นเรื่องสำคัญ จะเถียงกัน ด่ากัน ก็ให้ดูกาละ และ เทศะ เป็นหลักค่ะ โตๆ กันแล้วไม่พูดเยอะละค่ะ เจ็บคอ”
งานนี้ก็ถือเป็นสีสันบันเทิงให้คอการเมืองในออกอาวุธเกรียนคีย์บอร์ดกันช่วงล็อกดาวน์ไปพอหอมปากหอมคอ.