โฆษก ศบค.แถลงไทยอันดับ 56 อัตราตายโควิด-19 ต่ำ รับไม่อยากเจอภาพเลือกช่วยใครต้องช่วยกัน ชี้ผู้ป่วยลดต้องออกจากบ้านน้อยกว่านี้ เตือนร่วมกลุ่มแพร่เชื้อโรค เล็งหาแนวทางช่วยคนไทยต่างแดน ประสาน นร.AFS ให้มากับเครื่องที่มารับทหารสหรัฐฯ
วันนี้ (10 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งโลกวันนี้มีถึง 1,603,984 ราย เสียชีวิต 95,731 ราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา แต่ถ้าดูอัตราการเสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้านคน พบว่า สเปนมากที่สุด 316.06 รองลงมาคือ อิตาลี 292.04 ขณะที่ไทยมีเพียง 0.48 อยู่อันดับ 56 อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากมาพร้อมๆ กัน ทำให้เห็นภาพแพทย์ต้องเลือกว่าจะช่วยใคร ซึ่งเป็นความลำบากใจของแพทย์ และสะเทือนใจคนทั้งโลก ดังนั้น เราไม่อยากเจอภาพนั้นในประเทศไทย จึงต้องช่วยกันป้องกัน ตอนนี้แพทย์ยังสามารถดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดได้ สามารถคำนวณปริมาณน้ำเกลือและยาได้อยู่ แต่ถ้าล้นเป็นหมื่นไม่เพียงพอแน่ จึงต้องร่วมมือกัน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ผลการปฏิบัติการช่วงเคอร์ฟิวเมื่อคืนวันที่ 9 เม.ย.ต่อเนื่องวันที่ 10 เม.ย. มีผู้ออกนอกเคหสถาน 1,152 ราย มั่วสุมรวมกลุ่ม 94 คน รวม 1,246 คน แบ่งเป็น ดำเนินคดี 1,083 คน ตักเตือน 163 คน ถือว่าลดลงจากวันก่อน และถ้าจะให้ตัวเลขผู้ป่วยลดลงกว่านี้ จะต้องออกจากบ้านน้อยกว่านี้ ตอนนี้ตนได้ประสานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แยกตัวเลขมาเป็นรายจังหวัด เพื่อให้เห็นการให้ความร่วมมือของประชาชนแต่ละพื้นที่ จะได้นำไปวิเคราะห์ถึงผลที่ตามมา ซึ่ง สตช.จะดำเนินการให้
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนมาตรการช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีจังหวัดที่ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 24 ชั่วโมง จำนวน 11 จังหวัด ส่วนผู้ที่มีการกักตุนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วมาสังสรรค์กันช่วยเทศกาลสงกรานต์จะมีความผิดหรือไม่นั้น ถ้าเกิดมีการรวมตัวกันแล้วทำให้เกิดเสียงดังเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาดำเนินคดีได้ เพราะอยู่ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะในการประชุมของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) วันนี้ เรายังเห็นพฤติกรรมที่เกิดจากการร่วมกลุ่มเล็กๆ แม้ร้านค้าจะไม่ให้นั่ง ก็ยังเห็นจับกลุ่มนั่งยองๆ ก๊งเหล้า ยังเห็นได้อยู่ทั่วไป ถือว่าสุ่มเสี่ยงมาก จึงขอร้องคนหนุ่มสาวทั้งหลาย วัยทำงาน การไปรวมกันจะเป็นพาหะนำโรคไปติดปู่ยาตายาย ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง เรากังวลมาก เพราะกำลังคุมกันได้ดีๆ ลุ้นตัวเลขผู้ติดเชื้อกันทุกวัน อยากให้ลดลง จึงอยากให้คนในครอบครัวช่วยกันดูแลอย่าให้ไปชุมนุมมั่วสุม นอกจากนี้ มีจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศระงับการเดินทางเข้า – ออกพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ภูเก็ต สตูล ตราด น่าน ยะลา พัทลุง สงขลา บึงกาฬ ระนอง ร้อยเอ็ด ตรัง มุกดาหาร นครพนม
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ในส่วนของคนไทยที่เตรียมเดินทางกลับประเทศ วันนี้ (10 เม.ย.) รวม 33 คน ได้แก่ เวลา 09.00 น. มีคนไทยเดินทางกลับจากเนเธอร์แลนด์ ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ 15 คน และเวลา 17.00 น. มีคนไทยจากสิงคโปร์ 18 คน ส่วนในวันที่ 11 เม.ย.จะมีคนไทยกลับจากรัสเซีย 35 คน ญี่ปุ่น 1 คน คนเหล่านี้จะไปอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ ซึ่งบางคนบอกว่าดีกว่าหลายประเทศ นอกจากนี้ ยังจะมีนักเรียนเอเอฟเอสกลับจากสหรัฐฯ 152 คน ที่ยังไม่มีเที่ยวบิน เรากำลังประสานให้มากับเครื่องบินของสหรัฐฯที่จะเดินทางมารับทหารของเขา ขณะนี้สถานทูตอยู่ระหว่างประสานเพื่อให้ได้วันเวลาที่ชัดเจน ส่วนเรื่องการเยียวยาคนไทยในต่างประเทศที่ต้องการจะเดินทางกลับมานั้น เป็นแนวความคิดที่มีการหารือในที่ประชุม ศบค.เมื่อวันที่ 9 เม.ย. โดยมองว่าตามหลักคนไทยมีสิทธิกลับประเทศ แต่เราก็ต้องดูแลคนไทยในประเทศอีก 60 กว่าล้านคน จึงต้องจัดสมดุลให้ดี จึงนำมาสู่แนวคิดที่ว่าในเมื่อเราเยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบในประเทศ คนที่อยู่ในต่างประเทศก็ถือเป็นคนที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ถ้าให้เกิดการเคลื่อนย้ายคนให้น้อยที่สุด หากเขาอยู่ต่างประเทศแล้วถูกหยุดจ้างงาน ไม่มีรายได้ จะทำอย่างไรให้เขาอยู่ได้ จะส่งเงินไปได้หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมองว่า มันเป็นเหตุเป็นผล ต้องดำเนินการให้เขาดำรงชีพอยู่ได้ เพราะก็เป็นคนไทย หลายคนในที่ประชุม ศบค.เห็นด้วย เหลือแค่หลักปฏิบัติที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ไปดูตัวเลขและกลับมารายงานว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไร แล้วจึงจะสรุปแนวทางออกมา ดังนั้น เรื่องนี้จึงถือเป็นแนวคิดอยู่