เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย หวั่นมหาดไทยดึงงบ อปท.ไว้ใช้เอง หลังตีความการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังมิใช่สาธารณภัย
วันนี้ (9 เม.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยจัดการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VCS) เพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ หรือโควิด-19 เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา โดยมีนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมนั้น
ในการประชุมดังกล่าวมีการตั้งคำถาม-คำตอบในที่ประชุมว่า อปท.จะสามารถใช้งบกลางในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่ มีคำตอบว่ากรณีโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ “ยังมิใช่สาธารณภัย” จึงไม่สามารถเบิกจ่ายจากงบกลางได้ และต่อคำถามที่ว่าโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขแล้วหรืออย่างไร แต่กลับได้รับคำตอบจากมหาดไทยว่า กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โรคไวรัสโคโรนาฯ เป็นโรคติดต่ออันตราย เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 63 แต่ยังไม่ได้ประกาศให้เป็นโรคระบาดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 จึงไม่จัดว่าเป็น “สาธารณภัย”
คำตอบดังกล่าวสวนทางต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายหลายฉบับ อาทิ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 ได้ให้คำนิยามของคำว่า “สาธารณภัย” ใน ม.4 ว่าหมายความรวมถึงโรคระบาดในมนุษย์ อันมีผลกระทบต่อสาธารณชน ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติ มีผู้ทําให้เกิดขึ้น หรือเหตุอื่นใดซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน อีกทั้งใน “ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 2562 ได้บัญญัติคำว่า “ภัยพิบัติ” หมายความว่า “สาธารณภัย” อันได้แก่ ภัยอันเกิดจากโรคที่แพร่หรือระบาดในมนุษย์ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน นอกจากนั้น ในเหตุผลของคำประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 63 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าโรคโควิด-19 เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างมากต่อชีวิตของผู้ได้รับเชื้อ ซึ่งองค์การอนามัยโลกยังต้องประกาศให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการระบาดใหญ่ รัฐจึงต้องใช้มาตรการเข้มงวดและเร่งด่วนเพื่อควบคุมมิให้โรคแพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง ฯลฯ แต่กระทรวงมหาดไทยกลับตีความว่าการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ไม่จัดว่าเป็น “สาธารณภัย” ซึ่งทำให้ อปท.ไม่สามารถใช้งบกลางมาช่วยเหลือประชาชนได้
กรณีดังกล่าวเชื่อว่าอาจเป็นความพยายามของกระทรวงมหาดไทยในการกีดกัน อปท.ในการนำงบกลางมาช่วยเหลือประชาชนในแต่ละท้องที่ เพื่อที่ตนจะได้ใช้งบกลางแต่เพียงผู้เดียวในการสร้างผลงานของตน โดยมีชาวบ้านเป็นตัวประกันนั่นเอง และยิ่งมีการเกลี่ยงบจากทุกกระทรวง 10% มาไว้เป็นงบกลางเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 นั้นจะแก้ปัญหาให้ทั่วถึงได้อย่างไร สมาคมฯ ไม่เชื่อว่าในยุค พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และมี พล.อ.อนุพงษ์ เป็น รมว.มหาดไทย จะใช้เล่ห์ฉลหรือวิธีการบริหารบ้านเมืองเยี่ยงนี้ได้