พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คงยังไม่พอ ดร.สมเกียรติ จี้ลงโทษหนักใครปกปิดข้อมูล ซึ่งเป็นเหตุให้แพทย์-พยาบาล ติดเชื้อ ยกต่างประเทศ ถึงติดคุก หนักสุดประหาร! ด้าน ดร.มานะ เลขาฯ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ไล่บี้เอาผิดคณะจัดมวยฝ่าฝืนมติ ครม.
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 มี.ค. 63) เฟซบุ๊ก สมเกียรติ โอสถสภา ของ ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ
โพสต์ข้อความระบุว่า “พวกคนป่วยที่ปิดบังข้อมูล ทำให้หมอ พยาบาล ล้มป่วย ถูกกักตัวในจังหวัดเป็นร้อยคน ฝ่ายกฎหมาย ยุติธรรม ช่วยคิดทีว่าจะต้องทำอะไรบ้าง
ประเทศอื่นคือ ยิงเป้า ประหารชีวิต เข้าคุก บ่อนทำลายความมั่นคง
รีบสรุปให้ได้วันนี้
หมอและพยาบาลกำลังแพ้แล้ว
เจอคนป่วยแบบนี้ทุกจังหวัด จะพังทุกจังหวัด
ทำงานเดี๋ยวนี้ครับ
เอาให้อยู่
เย็นนี้ต้องรู้ผลครับ”
ในทำนองเดียวกัน เฟซบุ๊ก มานะ นิมิตรมงคล ของ ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “คนผิดต้องโดนลงโทษ..”
เนื้อหาระบุว่า “ทำไมผู้บริหารสนามมวย และผู้จัดรายการมวย จึงกล้าฝืนมติ ครม. ปล่อยให้มีการจัดชกมวย แล้วใครบ้างที่ต้องรับผิดชอบจากการกระทำที่ซ้ำเติมให้สถานการณ์แพร่ระบาด โควิด-19 ปะทุขึ้นจนยากต่อการควบคุมนี้
แม้จะมีหนังสือแจ้งเตือนให้ทราบถึงมติ ครม. ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมืออย่างเคร่งครัด แต่สนามมวยหลายแห่งทั้งของรัฐและเอกชน กลับปล่อยให้จัดชกมวยได้ โดยไม่ปรากฏว่า มีตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือเจ้าหน้าที่จากการกีฬาฯ เข้าห้ามปรามแต่อย่างใด
จนเวทีเหล่านั้น กลายเป็นแหล่งแพร่กระจายโรคครั้งใหญ่ ทำให้มีคนติดเชื้อจำนวนมาก ขณะที่อีกนับพันคนยังใช้ชีวิตและเดินทางไปยังที่ต่างๆ จนสร้างความหวาดกลัวให้คนทั่วประเทศและเป็นจุดเปลี่ยนสถานการณ์โรคระบาดให้รุนแรงขึ้น
ทั้งหมดนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องจะอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือ..ไม่ใช่แน่ แต่ประมาทนั้นแน่นอน
หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา การจัดงานเลี้ยง-งานบุญ-งานแต่งของชาวบ้าน การแสดงดนตรีในร้านอาหารต่างจังหวัด ล้วนถูกห้ามด้วย มติ ครม. นี้เช่นกัน
แต่เป็นเพราะมีผลประโยชน์ก้อนใหญ่เป็นเดิมพันหรืออย่างไร นักธุรกิจหมัดมวยกลุ่มนี้ และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจึงมองข้ามความถูกต้องทุกอย่างไป เข้าทำนอง “คนอื่นห้าม พวกเราได้” หรือบางทีอาจเคยชินว่า เรื่องแค่นี้ “น่าจะเคลียร์กันได้ ผ่อนปรนกันได้”
เหตุการณ์นี้ต้องมีการสอบสวนเอาผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนที่เกี่ยวข้องมาลงโทษ ทั้งวินัยและอาญา ถ้าหากมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ต้องมีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. ด้วย ส่วนเอกชนคนบงการก็ต้องหาช่องทางลงโทษตามกฎหมายให้ได้ แต่อย่างน้อยสังคมต้องช่วยกันประณามเป็นเยี่ยงอย่าง
วันนี้เราจะหยุดวิกฤตได้ นอกจากเชื่อฟังคุณหมอที่ออกมากราบขอร้องทุกวันให้เราหยุด ไม่เอาตัวเองและครอบครัวออกไปเสี่ยงนอกบ้าน ยังต้อง “พร้อมใจกันสนับสนุนมาตรการของรัฐอย่างสุดกำลัง” ครับ...
ดูเหมือน การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 และการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังมีอะไรอีกมากที่จะต้องมีมาตรการขั้นเด็ดขาดกับบางคนบางกลุ่ม เพื่อให้ไม่กล้าที่จะทำผิด หรือหลีกเลี่ยงที่จะให้ความร่วมมือ อย่างกรณีโพสต์ของ ดร.สมเกียรติ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยแพทย์ พยาบาล ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดคนไข้ หากมีการปกปิดข้อมูล ก็จะทำให้บุคลากรเหล่านี้เสี่ยงติดเชื้อทันที และถ้าแพทย์ พยาบาลแพ้ อย่างที่อาจารย์ว่า ใครเล่าจะช่วยเราได้อีกต่อไป
สำหรับ กรณีโพสต์ของ ดร.มานะ ก็เช่นกัน เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนของฝ่ายอำนาจรัฐมาตลอด และทำผิดพลาดให้เห็นมาอย่างต่อเนื่อง จนถูกนำไปขยายผลทางการเมืองหลายครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถ้าหากผลการสอบสวนข้อเท็จจริง และการเอาผิด ออกมาในทำนอง “มวยล้ม ต้มคนดู” เมื่อไหร่ รับรองถูกฝ่ายตรงข้ามไล่บี้แรงไม่แพ้โควิด-19 แน่
แต่ทั้งหมด ทุกคนหวังดีต่อรัฐบาล และต้องการให้การแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ได้ผลดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ต้องมีศึกหลายด้านมารุมเร้า ถ้าทำทุกอย่างจบ เบ็ดเสร็จ เด็ดขาดเสียที อย่าทำเหมือนลูบหน้าปะจมูกก็แล้วกัน