ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ลำปางยังปลอดเชื้อโควิด! ด้วยวิสัยทัศน์วางแนวทางปฏิบัติของ “ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์” และความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่ ทำเอาชาวโซเชียลฯ ต้องติดแฮชแท็ก #อยากได้ผู้ว่าฯแบบนี้!!
เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้มีความเข้มข้นขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ...“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว ให้มีผลทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. - 30 เม.ย.นี้... โดย “ลุงตู่” จะนั่งเป็นประธานศูนย์ฉุกเฉินแก้ปัญหาโควิด-19 หรือ “ศอฉ.โควิด-19” ในการออกข้อกำหนดต่างๆ ในทุกมิติ เพื่อบูรณาการทุกส่วนราชการ และสั่งการทุกส่วนราชการได้อย่างมีเอกภาพ รวดเร็ว โดยมีปลัดกระทรวงเป็นหัวหน้าส่วนงานรับผิดชอบในการนำแต่ละภารกิจไปปฏิบัติ
สำหรับข้อกำหนดต่างๆ ที่จะออกตามมา อย่างเช่น การห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง การปิดสถานที่เสี่ยง การปิดช่องทางเข้าประเทศ การเสนอข้อพึงปฏิบัติสำหรับ ผู้สูงวัย คนป่วย และเด็ก การห้ามกักตุนสินค้า การขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผล การเสนอข่าวบิดเบือน เป็นต้น
เหตุที่ต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งถือว่าเป็น “ยาแรง” สำหรับสังคมไทย เพราะที่ผ่านมาแม้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขจะพยายามแนะนำ ขอให้ช่วยกันสกัดการแพร่ระบาดด้วยการไม่ไปอยู่ในที่ชุมนุม หรือที่มีคนหมู่มาก งดการเดินทาง งดการสังสรรค์ บันเทิง เพราะจะมีโอกาสติดเชื้อ แล้วนำเชื้อไปแพร่กระจายโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว ...แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังละเลย แบบไม่มีจิตสำนึกในความรับผิดชอบร่วมกันต่อสังคม ซึ่งสามารถเห็นได้จากคลิปที่นำมาโพสต์ มาแชร์ในโซเชียลฯ
อย่างกรณี หลังจากมีคำสั่งปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ ก็ไปจับกลุ่มสังสรรค์ บันเทิงกันริมชายหาด หรือล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ที่มีการแชร์ กันว่อนโซเชียลฯ ก็กรณีที่ ภูเก็ต หลังจากที่ ครม.มีมติให้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันที่ 24 มี.ค. โดยให้มีผลในวันที่ 26 มี.ค. และในคืนวันเดียวกันนั้น ก็ยังมีกลุ่มวัยรุ่นตั้งวงสังสรรค์กันในที่สาธารณะ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตักเตือน ก็ยังเถียงว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลวันที่ 26 มี.ค. ตอนนี้ยังไม่มีผลก็ไม่มีความผิดอะไร! ...
นั่นเป็นเพียงหนึ่งในเรื่องดรามา แบบ “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” ในต่างจังหวัด และเชื่อว่ายังมีเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกมากมาย...ช่วงนี้
สถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างจังหวัดจึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ...โดยเฉพาะเมื่อในกรุงเทพฯ สั่งปิดห้างสรรพสินค้า สถานบริการ และอีกหลายๆ อย่าง ทำให้บรรดาลูกจ้างเดินทางกลับภูมิลำเนา กลไกของมหาดไทยในระดับจังหวัด จึงต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีอีกหลายจังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด และที่มีการพูดถึงกันมากก็คือ “จังหวัดลำปาง” ที่มี “ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” เป็นพ่อเมือง ...เป็นผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ที่เคยได้รับการยกย่องให้เป็น “วีรบุรุษถ้ำหลวง” ในการบัญชาการช่วยเหลือชีวิต “13 หมูป่า” ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงออกมาได้สำเร็จ ...ด้วยผลงานนี้ โรงเรียนสอนการจัดการระดับโลกอย่าง “วอร์ตัน สกูล” ได้ยกย่องถึงการบริหารจัดการของผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ เป็นกรณีตัวอย่างแห่งความสำเร็จ...เพราะเป็นกระบวนการที่มีเป้าหมายชัดเจน แผนการชัดเจน ประเมินถึงความเป็นไปได้ สร้างความสามัคคีในหมู่ประชาชน และเป็นผู้ที่เสียสละ
เมื่อย้ายมาจากจังหวัดเชียงราย ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา “ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์” ก็จัดการแก้ปัญหาไฟป่าหน้าแล้งที่เป็นปัญหาเรื้อรังเกิดขึ้นทุกปีได้อย่างน่าชื่นชม ...เพราะผู้ว่าฯ ได้ประชุมผู้เกี่ยวข้องทุกระดับ วางแผนป้องกันไว้ก่อนที่จะเข้าฤดูแล้ง และด้วยบุคลิกที่เป็นคนเอาจริงเอาจังกับงานและความรับผิดชอบในหน้าที่ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนชาวบ้านให้การยอมรับ ร่วมแรงร่วมใจ แผนงานที่วางไว้ก็บรรลุเป้าหมาย
เช่นเดียวกับที่ “ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์” ได้ย้ายมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ก็ต้องเจอกับโจทย์สำคัญ คือการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ที่จะเข้ามาสู่พื้นที่รับผิดชอบ ...เพราะเมื่อมีข่าวการติดเชื้อของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศ ... ด้วยวิสัยทัศน์ความเป็นนักบริหาร จัดการ ย่อมตระหนักว่า โอกาสที่เชื้อไวรัสนี้จะแพร่กระจายจากกรุงเทพฯ ไปยังต่างจังหวัดย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นแน่
“ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์” ไม่ต้องรอคำสั่งจากมหาดไทย ไม่รอให้นายกฯประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ได้ออกปฏิบัติการป้องกันเหตุตั้งแต่เนิ่นๆ วางกรอบ แนวทางปฏิบัติ นำทีมลุยตรวจสถานบันเทิงด้วยตัวเอง มีมาตรการกรองคนที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ที่สถานีขนส่งอย่างเข้มงวด จริงจัง ประสานให้โรงพยาบาลซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ หากพบว่ามีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สั่งพาณิชย์จังหวัดออกตรวจตรา คุมราคาหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ...รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักในการระวังป้องกันตนเองและคนใกล้ชิด ด้วยการปฏิบัติตนตามคำแนะนำของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เปิดศูนย์เฝ้าระวัง จัดสถานรองรับแรงงานที่กลับจากประเทศเกาหลี...
เมื่อผู้ว่าฯ ลงมานำลุยเองอย่างนี้ พร้อมด้วยการรณรงค์ ให้ความรู้ ถึงการป้องกัน สร้างจิตสำนึกให้ตระหนักถึงพิษภัย ความร้ายแรงของโรค ประชาชนก็พร้อมใจ ให้ความร่วมมือ จึงเกิดเป็นพลังในการต่อต้านโรคร้าย ...วันนี้จังหวัดลำปางจึงยังเป็นพื้นที่ “ปลอดเชื้อโควิด” ... และเมื่อมีผู้นำเรื่องราวเหล่านี้ ไปโพสต์ในโซเชียลฯ ผู้คนต่างก็เข้ามาแสดงความชื่นชมกันล้นหลาม ติดแฮชแท็ก #อยากได้ผู้ว่าฯ แบบนี้!!
ถึงวันนี้ก็ยังไม่สาย สำหรับจังหวัดใดที่ยังปลอดชื้อโควิด หรือจังหวัดใดที่มีผู้ติดเชื้อแล้วก็ตาม... หากผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชน ยึดเอา “ลำปางโมเดล” ของผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ เป็นแนวปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เชื่อว่าจะสามารถเอาชนะเชื้อร้ายได้โดยไม่ต้องพึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน !!
** ออเจ้า “เบลล่า” สวยใจบุญ - กสทช.เกลี่ยงบ 1,000 ล้าน หนุนโรงพยาบาลสถาบันแพทย์ งานนี้ร่วมด้วยช่วยกันสู้โควิด-19
ว่าด้วยการร่วมด้วยช่วยกันสู้ภัยโควิด-19 ประเดิมเรื่องแรกเลย งานนี้ต้องบอกว่า “คิดเร็ว ทำเร็ว” สำหรับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดย “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เลขาธิการฯ เผยว่า ที่ประชุมบอร์ดเมื่อวาน (25มี.ค.) อนุมัติกรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยเกลี่ยเงินงบประมาณปี 2563 ของสำนักงาน กสทช. และเงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เอามาตั้งเป็นกองทุนเพื่อสนับสนุนโรงพยาบาล-สถาบันทางการแพทย์ของรัฐ ต่อสู้กับมหันตภัยไวรัสโควิด-19
ห้วงเวลาวิกฤต การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำลายเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อสังคมในทุกด้าน แน่นอนสถานการณ์เช่นนี้ สาธารณสุข สถานพยาบาล หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ต้องรับภาระหนักที่สุด เพราะฉะนั้นการสนับสนุนโรงพยาบาลและสถาบันการแพทย์ ตรงจุดที่สุด
เงิน 1,000 ล้าน อนุมัติปุ๊บเมื่อวาน โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ของรัฐ ขอรับการสนับสนุนได้ตั้งแต่ วันนี้ (26 มี.ค.) เป็นต้นไป
ด่วนทันใจแบบนี้ ถ้าโรงพยาบาลไหนจะต้องการเปิดโรงพยาบาลภาคสนามเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังขาดอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ การจัดหาหน้ากากอนามัย อุปกรณ์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวมไปถึง การทำแอปพลิเคชันให้โรงพยาบาล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนไม่ต้องเดินทางไปตรวจ โดยโรงพยาบาลและสถาบันทางการแพทย์ของรัฐที่ต้องการขอรับการสนับสนุนได้หมด เรียกว่า เน้นให้นำไปใช้ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
จาก กสทช.ยังมีอีกตัวอย่างที่ถูกพูดถึงในสังคมออนไลน์ เรื่องของดาราดังจากละครบุพเพสันนิวาส ที่โด่งดัง “นางเอกสาวออเจ้า” ที่คนพูดติดปากทั่วบ้านทั่วเมือง “เบลล่า” ราณี แคมเปน บริจาคเงินกว่า 2.5 ล้าน ให้แก่โรงพยาบาล 5 แห่ง ทั้ง ศิริราชมูลนิธิ (ศิริราชสู้ภัยโควิด), มูลนิธิรามาธิบดี, มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า, สถาบันบำราศนราดูร และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ (กองทุนบริจาค) เพื่อเป็นกำลังใจให้บุคลากรการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ที่มาของการบริจาค ว่ากันว่า “เบลล่า” ได้ติดตามข่าวสารการระบาดของไวรัสโควิด-19 มาตลอด และอยากที่จะให้ความช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเหนื่อยหนัก โรงพยาบาลต่างๆ ได้มีอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นเร่งด่วนไว้ต่อสู้กับโรคร้าย
ไม่ว่าจะเป็น “เบลล่า” หรือ กสทช. ต่างก็เป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชม นี่แค่ กสทช.หน่วยงานเดียว หากหน่วยงานรัฐ องค์กรรัฐอื่นๆ เช่น รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ลองเจียดการจ่ายเงิน ปรับแผนงบประมาณของตัวเอง ไหนๆ ก็งบประมาณพวกจัดอีเวนต์ งบเดินทางไปดูงานต่างประเทศ งบอบรมสัมนนา ต่างๆ นานา ที่ถูกระงับหรือไม่จำเป็นเร่งด่วน ลองบวกๆเข้ามาแต่ละหน่วยงานเชื่อว่า เงินส่วนนี้จะไม่น้อยเลย
หรือหาก “เจ้าสัว” เศรษฐีติดอันดับทั้งหลาย จะลองให้กิจการหลายแสนล้าน เกลี่ยงบอีเวนต์ CSR อื่นๆ มาอีก งานนี้ต้องมี “หมื่นล้าน” เห็นๆ
ถ้ามีงบประมาณ 10,000 ล้านนี้ ร่วมด้วยช่วยกันในภาวะวิกฤต ทำตาม กสทช.นำงบประมาณไปใช้ในการต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้น จะเกิดคุณูปการใหญ่หลวงแน่
กำลังใจจากคนไทยด้วยกัน ชั่วโมงนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เจ้าสัว คนมีชื่อเสียงในวงสังคมอื่นๆ ช่วยกัน สังคมนี้ก็จะเป็นสังคมไทยที่ไม่เคยทิ้งกันอย่างแท้จริง
ที่สุดแล้ว เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน.