ประชุมศาลปกครอง ผ่าน Facebook Live ไปยังส่วนภูมิภาค ปรับยื่นเรื่องพิพากษา ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำงานที่บ้าน เลี่ยงโควิด-19
วันนี้ (19 มี.ค.) คณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ของศาลปกครองที่มี นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานได้จัดประชุมทางไกลผ่านจอภาพและทาง Facebook Live ไป ยังสำนักงานศาลปกครอง ในภูมิภาค 14 แห่ง โดยได้มีการกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาครอบคลุมทั้งในส่วนของคู่กรณีประชาชนที่ติดต่อกับศาล และบุคลากรของศาลปกครอง ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวคู่กรณีและประชาชน กำหนดให้การยื่นคำฟ้อง คำให้การ และคำร้องคำขอต่างๆ สามารถดำเนินการทางระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ไปรษณีย์ลงทะเบียน และโทรสาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เคยลงทะเบียนระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ไว้ก่อนหรือไม่ ส่วนการนั่งพิจารณาคดีของศาล การไต่สวน การนัดประชุมไกล่เกลี่ย และการนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล คู่กรณีสามารถดำเนินการได้โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบการประชุมทางจอภาพ แอปพลิเคชันต่างๆ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก โดยคู่กรณีไม่ต้องมาศาล
ในกรณีที่จำเป็นต้องมีการนั่งพิจารณาคดี ไต่สวน นัดประชุมไกล่เกลี่ย หรืออ่านคำพิพากษาที่ศาล ศาลสามารถกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อความปลอดภัยได้ตามความเหมาะสม เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัย การจำกัดจำนวนคนในห้องพิจารณาคดี
นอกจากนี้ กำหนดให้ตุลาการศาลปกครองและเจ้าหน้าที่ศาลปฏิบัติงานที่บ้าน กรณีการตรวจสำนวน การร่างคำสั่งหรือคำพิพากษาตามความเหมาะสม โดยใช้ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนในการประชุมปรึกษาสามารถใช้ระบบการติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้ตามที่เห็นสมควร สำหรับงานที่ต้องให้บริการโดยตรงแก่ประชาชนจะจัดให้มีบุคลากรในจำนวนที่จำเป็น และเพียงพอต่อการให้บริการต่อประชาชน จัดให้บุคลากรที่อยู่ในข่ายสงสัยว่า อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้รับการตรวจหาเชื้อโดยทันทีและไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งกำหนดมาตรการในการทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการใช้ร่วมกัน เช่น บริเวณที่ประชาชนมาติดต่อราชการ ห้องพิจารณาคดี ห้องไต่สวน ห้องไกล่เกลี่ย โรงอาหาร ห้องประชุม ห้องน้ำ ลิฟต์โดยสาร และลดความหนาแน่นของจำนวนคนที่นั่งรับประทานอาหาร หรือใช้ลิฟต์ต่อเที่ยว ให้เลื่อนการฝึกอบรมหรือสัมมนาที่อยู่ระหว่างดำเนินการและชะลอการฝึกอบรมหรือสัมมนาที่มีกำหนดจะจัดขึ้นออกไปตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยมาตรการดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.- 30 เม.ย. 63