นายกฯ ร่วมถ่ายรูปบุคลากรราชวิถี ปลุกทีมแพทย์สู้โควิด-19 ไปด้วยกัน ฝากเซเลบ-ไฮโซ เป็นตัวอย่างที่ดี รับผิดชอบกักตัวเอง ยังไม่ชัดเบรกจัดสงกรานต์ ขอฟังเสียงประชาชน ระบุต่างประเทศยอมรับไทยทำได้ดี
วันนี้ (12 มี.ค.) เวลา 15.00 น. ที่โรงพยาบาลราชวิถี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ก่อนเดินทางกลับ นายกฯ ได้ร่วมถ่ายรูปกับทีมแพทย์ และบุคลากรทางแพทย์ โดยกล่าวว่า “ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน” พร้อมทั้งชูสองนิ้วและระบุอีกว่า เราจะสู้ไปด้วยกันทุกกระทรวง นายกฯจะนำขับเคลื่อนเอง การแก้ทุกปัญหาจะแก้ได้ด้วยความรักความสามัคคี ด้วยความช่วยเหลือ การสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน อย่าไปหาจุดของความขัดแย้งมาทำให้บานปลายไปทุกอัน อะไรที่เป็นประโยชน์ ตนก็รับฟังทั้งหมด วันนี้ขอให้ทุกคนช่วยกัน และขอความร่วมมือจากสื่อช่วยลดความขัดแย้ง สร้างความเข้าใจ สิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งในเรื่องอื่นๆตนก็ไม่ยุ่งกับสื่อ แต่ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของกฎหมายไว้ด้วย ตนไม่ได้ขู่ และยังไม่ได้ฟ้องใครสักคนเลย ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องระมัดระวังตัวเอง อย่าไปอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ใครมาจากต่างประเทศก็อย่าปิดบังกัน ต้องรับผิดชอบต่อสังคม
“ผมขอฝากไปถึงนักท่องเที่ยว ดารา เซเลบ รวมถึงไฮโซ บางทีกลับมาแล้วก็โพสต์ตัวเองแม้จะผ่านการคัดกรองแล้ว แต่กักตัวเอง 14 วันหรือยัง ไม่ใช่ไปแพร่อย่างนี้อย่างนั้น แล้วมีปัญหาขึ้นมา กลายเป็นว่าคนพวกนี้ถูกกักตัวหรือเปล่า ขอร้อง ผมไม่ได้ตำหนิอะไรท่าน แต่ท่านต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ประชาชน” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ต้องคุมเข้มสถานบันเทิงหรือไม่ หลังพบผู้ติดเชื้อ 11 รายล่าสุด นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องควบคุม ทุกสถานบันเทิง ทุกโรงแรมต้องมีมาตรการคัดกรอง มีเครื่องวัดอุณหภูมิ เจลล้างมือ และหน้ากากอนามัย รวมถึงการดูแลทำความสะอาดภายในสถานที่ เราต้องดูทั้งสองด้าน เพราะถ้าไม่ให้ทำอะไรเลย เขาก็ไม่มีรายได้เลย ส่งผลให้เกิดการลดการจ้างงาน แล้วเขาจะไปหางานทำที่ไหน ต้องเห็นใจเขาด้วย ดังนั้น สถานประกอบการเหล่านี้มีต้นทางก็คืออาหาร และเครื่องดื่ม ถ้าทำอะไรไม่ได้เลยก็ไม่มีรายได้ รัฐบาลก็ไปอุดหนุนไม่ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทุกส่วนต้องมีมาตรการของตัวเอง ดูอย่างมาตรการของห้างสรรพสินค้าเป็นต้น อย่างน้อยต้องเป็นแบบนั้น หรือมากกว่า เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะปลอดภัย
ถามต่อว่า การจัดงานเทศกาลสงกรานต์ที่หลายฝ่ายเป็นห่วง นายกฯ กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา วันนี้มีหลายกระแส หลายคนบอกไม่ต้องจัด แตีอีกหลายคนบอกให้จัดเฉพาะเรื่องการทำบุญ กำลังพิจารณาอยู่ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนต้องการอย่างไร รัฐบาลก็ต้องหารือกับกระทรวงสาธารณสุขและทีมแพทย์ ว่าควรหรือไม่ควรจัดอย่างไร
“สำคัญที่สุดคือการป้องกันการแพร่ระบาดไปในระยะที่ 3 ยืนยันอีกครั้งว่ายังไม่ถึงขั้นที่ 3 วันนี้เรามาดูสถิติการเพิ่มขึ้นในต่างประเทศสูงขึ้น และเขายอมรับมาว่าประเทศไทยทำได้ดี ถือว่าดีมากสำหรับเขา ของเราจะเริ่มเข้มข้น หลายคนก็ทราบอยู่แล้ว ผมเปิดดูเมื่อกี้ เยอรมันก็ชมเรา หลายประเทศบอกเขาไม่ได้ทำแบบเรา ก็เลยมีการติดเชื้อกระจายมากขึ้น อันนั้นคือสิ่งที่เราต้องระวัง ไม่ให้มีการแพร่เชื้อในพื้นที่โดยคนของเราเองที่อยู่ในประเทศ เรามีมาตรการกักตัวตามลำดับมา แล้วถ้ามันมากกว่านี้จะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่าทำอย่างนี้แล้วดีที่สุด มันอาจจะยังไม่ดี หรือสมบูรณ์ในอนาคตก็ได้ ไอ้ปิด-เปิดศูนย์เลิกพูดเสียที มันก็เป็นศูนย์อยู่นั่นแหละ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่มีคนไปพ่นยาฆ่าเชื้อให้ประชาชนที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สามารถทำได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องระวัง เพราะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เเต่ก็ไม่ควร ตนต้องสั่งไปว่าอย่าทำอย่างนั้น เขาให้พ่นพื้นที่ก็พ่นไป แต่คนเดินมาก็หยุดลง หรือถ้าเห็นเขากำลังพ่น คนก็อย่าเดินเข้าไปตรงนั้น มันก็แค่นี้ ตนคงไม่ต้องไปพ่นเอง รู้ว่าควรต้องทำอะไรก็ทำไป อย่าไปขยายความเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ถามว่า แนวโน้มผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ก็พูดอยู่เมื่อกี้ว่ายังควบคุมได้ไม่ใช่หรือ ถ้ามันเยอะขึ้นมาก็ต้องไปที่ศูนย์ตรงนั้น มีโรงพยาบาลเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมา ทั้งทหาร ตำรวจ จะไปช่วยกันตรงนั้น ต้องเชื่อมั่นก่อนสิ ถ้าไม่เชื่อมั่นจะทำอะไรได้”