อย.แจงฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อใส่ตัวไม่เกิดประโยชน์ เหตุเชื้ออยู่ในน้ำมูกน้ำลาย การติดเชื้อเกิดจากสัมผัสสารคัดหลั่ง ย้ำ ต้องล้างมือบ่อยๆ เผย สารที่ใช้ฉีดพ่นส่วนใหญ่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ ระคายเคืองน้อย จึงฆ่าเชื้อไวรัสไม่ได้ ห้ามใช้สารฟอกขาวมาล้างมือหรือฉีดพ่น ทำระคายเคืองได้
วันนี้ (12 มี.ค.) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีชายนำน้ำยาฆ่าเชื้อมาฉีดพ่นตามร่างกายของประชาชนบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งขณะนี้ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ขอให้เลิกฉีดไปแล้ว ว่า การพ่นยาฆ่าเช้อที่ตัวขอชี้แจงว่า อาจจะไม่ได้ประโยชน์นัก เพราะข้อเท็จจริงของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะอยู่ในสารคัดหลั่ง ในจมูก ในน้ำลาย การพ่นใส่ตัวจึงอาจไม่ได้ประโยชน์ ขณะที่การติดต่อนั้นส่วนหนึ่งมักเกิดจากการไปสัมผัสสารคัดหลั่ง หรือที่มีเชื้อโรคแล้วมาถูกที่หน้าที่ตาหรือจมูกก็จะทำให้ติดเชื้อ ดังนั้น เมื่อพ่นเสร็จแล้วมือไปสัมผัสส่วนที่มีเชื้อโรคแล้วมาถูกหน้าตาก็สามารถติดเชื้อได้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือ ถ้าอยู่ในที่ที่สามารถล้างมือได้ก็ใช้น้ำและสบู่ก็สามารถฆ่าเชื้อได้ แต่หากไม่มีก็สามารถใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือทำความสะอาด
นพ.สุรโชค กล่าวว่า สำหรับการพ่นยาฆ่าเชื้อ ส่วนใหญ่พบว่ามักจะเอาสารที่ไม่ค่อยระคายเคืองต่อร่างกายมนุษย์มาใช้ฉีดพ่น ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ระคายเคือง ยกเว้นคนที่แพ้ก็อาจเกิดการระคายเคืองได้ แต่สารพวกเนื่องจากระคายเคืองน้อย และมีผลในการฆ่าเชื้อน้อยเช่นกัน ส่วนใหญ่ก็จะฆ่าเชื้อไวรัสไม่ได้ โดยเฉพาะไวรัสโคโรนา 2019 เช่น สารเบนซาโคเนียม คลอไรด์ ก็จะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ อาจจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้ แต่ฆ่าเชื้อไวรัสไม่ได้ ซึ่งสารนี้เราอาจจะเห็นพ่นในหลายๆ สถานที่ แต่สำหรับโรคปัจจุบันที่เห็นพ่นกันก็จะฆ่าเชื้อไม่ได้ แต่หากเป็นสารโซเดียมไฮโปคลอไรด์หรือสารฟอกขาวที่ปกติใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้ออยู่แล้วนั้น สารตัวนี้ใช้สำหรับทำความสะอาดสิ่งของต่างๆ หรือพื้นผิวเท่านั้น ห้ามเอามาใช้ล้างมือหรือเอามาพ่น เพราะทำให้ระคายเคือง
“สิ่งสำคัญคือ การล้างมือเมื่อไปสัมผัสสิ่งต่างๆ มา คนไอจามก็ขอให้ปิดปาก ไม่สบายก็สวมหน้ากากอนามัย สำหรับการทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ ก็ยังแนะนำว่าควรใช้เป็นการเช็ดถูด้วยแอลกอฮอล์จะได้ทั่วถึง หรือโซเดียมไฮโปคลอไรด์ในการทำความสะอาด มากกว่าใช้การฉีดพ่น” นพ.สุรโชคกล่าว