“สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์” ส.ส.ชัยภูมิ พปชร. ตอก ส.ส.ปชป.ไร้มารยาทพรรคร่วมรัฐบาล จี้ “จุรินทร์” สั่งสอนลูกพรรคบ้าง อย่าหาเรื่องตีกินจนเป็นนิสัย จวกทำตัวเป็นเทวดาแตะต้องไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองจุดพลุขึ้นมาเอง อัดตั้งแต่ร่วม รบ.มีปัญหาอยู่พรรคเดียว ดักคออย่ามาสอดเรื่องภายใน พปชร. ชู “นายกฯ ตู่” สุภาพบุรุษ กล้าพูด-กล้าขอโทษ
วันนี้ (11 มี.ค.) นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดเกิดจาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนขู่จะถอนตัว แล้วพอนายกฯ ตอบคำถามสื่อว่า “ก็ถอนไปสิ” ก็ออกมาตำหนิต่างๆ นานา ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง โดยเฉพาะการพูดจาของ ส.ส.บางคนของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ประชาชนสับสนว่าการร่วมรัฐบาลมีปัญหาใช่หรือไม่
“เมื่อไหร่พรรคประชาธิปัตย์จะเลิกนิสัยแบบนี้เสียที หลอกด่าตีกินคนในบ้านหลังเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ควรมีมโนสำนึกว่าพวกท่านคือ ฝ่ายรัฐบาล และการเข้าร่วมรัฐบาลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์คือพรรคเดียวที่มีปัญหา ทั้งเรื่องการสวนมติวิป การกระแนะกระแหนในทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่รู้ทำไมผู้ใหญ่ในพรรคไม่เคยคุม ส.ส.ได้” นายสัมฤทธิ์กล่าว
นายสัมฤทธิ์กล่าวต่อว่า เข้าใจดีว่า ส.ส.ทุกคนมีเอกสิทธิ์ มีความเป็นอิสระ แต่เมื่อมีพรรคมีสังกัดก็ควรหารือแล้วเสนอต่อกัน ไม่ใช่ออกมาเปรอะเปื้อนแบบนี้ พรรคพลังประชารัฐก็เคยมีปัญหาไม่ตกผลึกกับการทำงานร่วมกัน แต่ไม่เคยปล่อย ส.ส.ให้ออกมาตีรวนหรือต่อว่าพรรคร่วมรัฐบาล นั่นคือคำว่ารักษาการมารยาททางการเมือง การเป็น ส.ส.ร่วมรัฐบาลต้องน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าเอื้ออาทรกันบ้าง รักษาสถานการณ์ ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเอง ทำทุกอย่างแย่กว่าเดิม เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์เองก็ได้ออกมาขอโทษแบบลูกผู้ชายไปแล้ว หวังว่าทุกอย่างจะจบ รัฐมนตรีทุกคนในรัฐบาลทำงานหนักทุกคนเพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤต ทั้งปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาราคาพืชผลเกษตร รวมถึงแนวทางการช่วยประชาชนด้านต่างๆ แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับมาใช้เรื่องของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ มาเป็นปัญหาตีกินด่าไปวันๆ
“ประเด็นของ ร.อ.ธรรมนัส ก็ขอให้ท่านได้ชี้แจงต่อสังคมในเรื่องของหน้ากากอนามัยที่มีคณะทำงานไปข้องเกี่ยว ส่วนการจะปรับคณะรัฐมนตรีเป็นหน้าที่ของนายกฯและการตัดสินใจของท่าน หยุดกดดัน หยุดต่อว่า ผมว่ามันไม่แฟร์ ทั้งที่ต้นเรื่องมาจากพรรคตัวเอง พรรคท่านไม่ใช่เทวดาที่ใครจะมาแสดงอาการอะไรไม่ได้ ดังนั้น ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงรัฐมนตรีทั้งหลายควรห้ามปราม ส.ส.บ้าง ไม่ใช่ปล่อยไว้แบบนี้ เพราะมันอาจทำให้หลายคนสงสัยว่าพวกท่านเป็นพวกปากว่าตาขยิบ” นายสัมฤทธิ์กล่าว
นายสัมฤทธิ์กล่าวต่อว่า จึงอยากให้ย้อนไปดูต้นเรื่องว่าเพราะอะไรทำไมนายกฯ จึงแสดงออกมาเช่นนั้น เมื่อนายกฯ กล้าขอโทษ คนที่พูดก็ควรขอโทษเช่นกัน เพราะคำพูดที่ใช้รุนแรงและไม่ให้เกียรติผู้นำรัฐบาล และหยุดทำลายความสัมพันธ์ของการร่วมรัฐบาลเลยมันยิ่งทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ขาดความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐไม่เคยพูดตำหนิการทำงาน รวมถึงแสดงความเห็นในการปรับคณะรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น การร่วมรัฐบาลก็ควรมีมารยาทเสียบ้าง และอีกเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรออกมาแสดงความเห็น คือความขัดแย้งของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกับรัฐมนตรีท่านหนึ่ง เพราะเรื่องนี้ทางพรรคจะจัดการกันเองเพราะเป็นเรื่องภายใน พวกเรามีแกนนำที่มีศักยภาพในการจัดการปัญหากันเอง