นายกฯ ขอร้อง ปชช.ฟังข้อมูลโควิด-19 จาก รัฐ-สธ. อย่าแชร์ข่าวที่เป็นเท็จ ยืนยันรัฐมีเอกภาพเชิงนโยบาย รับการปฏิบัติอาจมีปัญหาบ้าง ลั่นอย่าเอามายึดโยงเรื่องการเมืองเวลานี้ ไม่อยากให้มีความแตกแยกในพรรคร่วม
วันนี้ (10 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ว่า กระทรวงมหาดไทยมีการทำเพิ่มเติมทั้งหน้ากากผ้า 50 ล้านชิ้น รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม ไปหาวิธีการดำเนินการทำหน้ากากผ้าเพิ่ม 20 ล้านชิ้น แล้วจะมีการแจกจ่ายให้ประชาชนเพิ่มเติม ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นการบรรเทาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยในช่วงนี้ เนื่องจากปัจจุบันการผลิตมีจำนวนเท่าเดิม และวันนี้มีการตรวจสอบทุกขั้นตอนยังไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ต้องตรวจสอบต่อไปว่าทำไมร้านค้าจึงยังมีการขายได้ไม่เพียงพอ ในส่วนการแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์จากการตรวจสอบล่าสุด มีการแจกจ่ายได้อย่างพอเพียงในช่วงภาวะการขณะนี้ เป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ ได้มีการจัดตั้งศูนย์บริหารงานของรัฐบาล โดยตนเป็นหัวหน้าศูนย์ดังกล่าว เพื่อบูรณาการงานให้ทันเวลา รวมทั้งการให้ข่าวสารต่างๆ สิ่งสำคัญวันนี้ทุกคนต้องฟังตน ส่วนราชการ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งหลายอย่างจะตามใจกันมากคงไม่ได้ ปัญหาคือสื่อโซเชียลก็เร็ว มีการแชร์ข้อมูลกันตลอดเวลา สอบถามข้อมูลจากต้นทาง จึงอยากขอร้องให้สอบถามข้อมูลจากต้นทาง การรักษาพยาบาลโดยเฉพาะการรักษาพยาบาลได้ที่กรมควบคุมโรคหมายเลข 1422 และขอร้องอย่าแชร์ข่าวที่เป็นเท็จ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ในส่วนของการทำงานระหว่างศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุข และของทำเนียบรัฐบาลมีความแตกต่างกัน ซึ่งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขจะชี้แจงในส่วนที่รับผิดชอบ แต่ในส่วนของรัฐบาลและนำข้อมูลมาจากทุกส่วนราชการ มาชี้แจง รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่มีผลกระทบ อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ ครม.มีหลายมาตรการออกมา และ ครม.จะมีการพิจารณาเป็นระยะๆ สิ่งสำคัญคือ ทุกอย่างต้องใช้งบประมาณ จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบในการใช้เงินของรัฐให้ถูกต้อง
นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของการบริจาคเงิน ขอให้เข้าใจกันเสียทีว่าทุกอย่างมีมาตรการควบคุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุทกภัยมีเงินอยู่ในบัญชีทั้งหมด และมีการตรวจสอบตลอดเวลา รวมทั้งการจะใช้จ่ายต้องมีคณะกรรมการพิจารณาตัดสิน โดยเงินส่วนนี้จะนำไปใช้จ่ายกรณีที่เงินงบประมาณรัฐบาลใช้ไม่ได้ ส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้เพื่อไปใช้ในอนาคต ยืนยันว่าเงินไม่ได้หายไปไหน เงินหลวงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่นายกฯจะเอาเงินไปใช้ส่วนตัว ขอร้องว่าเรื่องเงินบริจาคอย่าเอาไปตีกับการใช้งบประมาณภาครัฐ
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการรวมศูนย์ติดตามแก้ปัญหาโควิด-19 มาเป็นศูนย์เดียว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ได้เพราะมีกฎหมายคนละฉบับและเป็นคนละระดับกัน โดยศูนย์บัญชาการข้อมูลข่าวสารของทำเนียบก็จะอยู่ในศูนย์ใหญ่ที่ตนเป็นประธาน โดยเป็นการเอามาตรการของศูนย์ใหญ่ไปชี้แจง ในส่วนศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นเรื่องทางการแพทย์ การรักษาและการพยาบาล ซึ่งจะแยกให้เกิดความชัดเจน ที่ผ่านมา ก็กล่าวหาว่า นายกฯ ไม่ให้ความสนใจแล้วจะเอาอย่างไรกับตน ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วถูกใจทุกคน ถ้าสื่อไม่เข้าใจประชาชนก็ไม่เข้าใจทั้งหมด
เมื่อถามว่า ต่อจากนี้รัฐบาลจะมีความเป็นเอกภาพในการทำงานหรือไม่ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า อะไรคือความไม่เป็นเอกภาพ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การทำงานของรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ และพรรคพลังประชารัฐขาดความเป็นเอกภาพ และมีความไม่ชัดเจนในหลายๆ เรื่อง นายกฯ กล่าวว่า “ถ้าถามว่ามีความเป็นเอกภาพหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าก็มีเอกภาพพอสมควร อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถ้าบอกว่าที่ผ่านมามีปัญหาสะเปะสะปะ ก็ต้องย้อนไปนึกถึงการให้บริการคนจำนวนมาก วันแรกที่เรารับมืออาจจะไม่มีความพร้อม เพราะแต่ละวันมีคนเข้ามาไม่เท่ากัน บางวันเจ้าหน้าที่รู้กระชั้นชิด เมื่อมาถึงก็ต้องหาที่พักคอย รวมทั้งที่หลับที่นอนก็ต้องมีความพร้อม บางวันก็เตรียมไว้ 200 ก็มา 400-500 คน แต่วันนี้เรามีการตรวจสอบการเข้าประเทศ ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นเอกภาพเชิงนโยบายแต่ยอมรับว่าในการปฏิบัติอาจมีปัญหาอยู่บ้าง โดยเฉพาะการบริหารจัดการกับเรื่องใหญ่ๆ แบบนี้”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในระหว่างที่ประเทศมีความอ่อนไหวทุกคนต้องรู้จักการเสพสื่อรู้จักการใช้โซเชียล และต้องขอร้องสื่อโซเชียลด้วยว่าอะไรที่สร้างประโยชน์และอะไรเป็นข้อเท็จจริง อะไรที่คิดว่าไม่ใช่ก็อย่าไปเปิดประเด็นให้
“ผมไม่อยากให้มายึดโยงกับสถานการณ์ทางการเมือง การเมืองก็เป็นเรื่องของการเมือง แต่วันนี้เราต้องแก้ปัญหาตรงนี้ก่อน การเมืองผมถึงไม่อยากจะตอบในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ผมไม่อยากให้มีความแตกแยกในบรรดาของพรรคร่วมรัฐบาล อำนาจอะไรต่างๆ ของผมก็มีอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาก็ทำของผมเองนั่นแหละ วันนี้ขอให้แก้ปัญหาให้ผ่านพ้นทั้ง 3 อย่างไปก่อน คือ โควิด ภัยแล้ง และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาบางอย่างอาจจะช้าบ้าง เพราะเราทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ใช่คนเพียง 5 หรือ 10 แต่เราทำเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ” นายกฯ กล่าว