ปธ.ศาล ปค.แถลงผลงาน 19 ปี สางคดีแล้วร้อยละ 83 เตรียมนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในระบบการบริหารจัดการข้อมูลคดี มุ่งเป็นศาลอัจฉริยะ อำนวยความสะดวกประชาชน
วันนี้ (9 มี.ค.) นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานในการแถลงผลการดำเนินงานของศาลปกครองในรอบปี 2562 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า สถิติคดีของศาลปกครองในภาพรวม 19 ปีที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 63 ศาลปกครองรับคดีเข้าสู่การพิจารณาแล้ว จำนวน 162,079 คดี เป็นคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น จำนวน 114,724 คดี และเป็นคดีอุทธรณ์ หรือฟ้องตรงต่อศาลปกครองสูงสุด จำนวน 47,355 คดี โดยศาลปกครองสามารถพิจารณาคดีได้แล้วเสร็จ จำนวน 135,148 คดี คิดเป็นร้อยละ 83.38 ของคดีรับเข้า
นอกจากนี้ มีการปรับปรุงพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการพิจารณาพิพากษาคดีและบังคับคดีปกครอง เช่น แก้ไขเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ซึ่งนับแต่มีผลใช้บังคับในวันที่ 31 ส.ค. 62-15 ก.พ. 63 ศาลปกครองชั้นต้น มีคดีที่เข้าสู่การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จำนวน 61 คดี สามารถไกล่เกลี่ยแล้วเสร็จ 35 คดี มีการเปิดใช้ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์เพื่อประชาชน ที่ประชาชนสามารถยื่นฟ้องไปจนถึงสิ้นสุดกระบวนการพิจารณาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 62 มีผู้ลงทะเบียนเข้าใช้ระบบนี้แล้ว จำนวน 241 คน และมีคดีอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ศาลปกครอง รวมจำนวน 41 คดี เป็นคดีของศาลปกครองกลาง จำนวน 38 คดี ศาลปกครองสูงสุด จำนวน 1 คดี และศาลปกครองในภูมิภาค จำนวน 2 คดี และจากการให้สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สำรวจความเห็น ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อการอำนวยความยุติธรรมของศาลปกครอง ร้อยละ 88.05 และมีความพึงพอใจต่อคุณภาพการให้บริการของสำนักงานศาลปกครอง ร้อยละ 97.42
สำหรับการดำเนินงานของศาลปกครองในปี พ.ศ. 2563 ได้กำหนดให้เป็น “ปีแห่งการพัฒนาการอำนวยความยุติธรรมทางปกครองให้เป็นไปตามมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล” โดยจะ พัฒนาให้การอำนวยความยุติธรรมทางปกครองมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนรวดเร็ว ส่งเสริมการระงับข้อพิพาทโดยการไกล่เกลี่ยอย่างจริงจัง มีการถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีสำคัญ ยกเว้นคดีความมั่นคงหรือคดีที่มีผลกระทบกระเทือนต่อผู้เยาว์ ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างการพัฒนาว่าจะใช้ระบบการถ่ายทอดแบบใดและ การคำนึงถึงเรื่องความเป็นส่วนตัว ข้อมูลส่วนบุคคล
นอกจากนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างสะดวก ง่าย รวดเร็ว ค่าใช้จ่ายที่น้อยลง ก็จะมีการนำเข้าข้อมูลสารสนเทศจากคำฟ้อง คำให้การ และเอกสารหลักฐานต่างๆ ในรูปแบบของข้อความ ภาพ และเสียง ทั้งจากกระดาษและไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้เทคโนโลยีแปลงเสียงเป็นข้อความ และแปลงภาพเป็นข้อความด้วยเทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) เพื่อนำเข้าสู่ระบบจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยพัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสาร
ในสำนวนคดีช่วยตุลาการในการสืบค้นกฎหมาย คำพิพากษา แนวคำวินิจฉัย ตามประเภทคดี ข้อเท็จจริงในคดี ประเด็นข้อพิพาท รวมถึงหลักกฎหมายปกครอง ซึ่งจะช่วยในการสร้างบรรทัดฐานในการพิพากษาคดีของศาลปกครอง
ระยะยาว จะมีระบบสารสนเทศที่ช่วยวิเคราะห์คำฟ้อง คำให้การ และเอกสารหลักฐานด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ช่วยร่างคำพิพากษาที่นำข้อมูลจากคำฟ้อง คำให้การ บันทึกคำพยาน และเอกสารหลักฐานมาประมวลและยกร่างคำพิพากษาเพื่อช่วยลดเวลาของตุลาการในการจัดทำคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ และระบบดังกล่าวจะช่วยตรวจสอบความสมบูรณ์ของคำพิพากษาในขั้นตอนสุดท้ายว่ามีการพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน
รวมทั้งอนาคต จะพัฒนา Mobile application ที่ประชาชนและคู่กรณีสามารถใช้ในการยื่นฟ้องคดี และดำเนินกระบวนพิจารณาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และจะได้นำนวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ หุ่นยนต์ให้บริการผ่าน Cloud computing มาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาติดต่อที่ศาลปกครอง
นอกจากนี้ ให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลปกครองทั้งส่วนกลางและในภูมิภาคเสนอกิจกรรม “1 หน่วยงาน 1 โครงการ เพื่อประชาชน” ภายใต้โครงการศาลปกครองของประชาชนโดยขับเคลื่อนผ่าน 3 กลุ่มกิจกรรมหลัก คือการปรับปรุงการให้บริการประชาชนของสำนักงานศาลทั้งส่วนกลางและในภูมิภาค โดยจัดตั้งศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ศาลปกครอง และคดีปกครองในรูปแบบที่ทันสมัยผ่านช่องทางและเครือข่ายต่างๆ และการสื่อสารข้อมูลการดำเนินงานสู่สาธารณะในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ผ่านสื่อออนไลน์และช่องทางต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงประสิทธิภาพ ความโปร่งใสในการดำเนินงาน มุ่งสร้างเสริมคุณภาพชีวิตและการทำงานของบุคลากร ทั้งในส่วนกลางและในภูมิภาค โดยจัดให้มี การบริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านสุขภาพจิตแก่บุคลากร ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ จัดให้มีห้อง “Happy Workplace” โดยมีนักจิตวิทยามาประจำการ ในวันพุธของเดือน เดือนละ 2 ครั้ง
และจัดคลินิกจิตเวชทางไกล ซึ่งจะเป็นการให้คำปรึกษาแนะนำด้านสุขภาพจิตผ่านระบบ Telepsychiatry ระหว่างสำนักงานศาลปกครองและโรงพยาบาลศรีธัญญา โดยผู้ให้บริการจะเป็นจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต และพยาบาลวิชาชีพด้านจิตเวช และได้เปิดให้บริการในสำนักงานศาลส่วนกลางแล้ว ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 และจะขยายการบริการไปยังบุคลากรของสำนักงานศาลในภูมิภาค เพื่อให้บุคลากรเป็นพลังในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวสู่เป้าหมายความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ประธานศาลปกครองสูงสุด ได้กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ Covid-19 ที่เกิดขึ้น คณะกรรมการบริหารศาลปกครองจึงได้มีประกาศกำหนดมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่มาติดต่อขอรับบริการที่ศาลปกครอง โดยให้สำนักงานศาลทั้งในส่วนกลางและในภูมิภาค ดำเนินการคัดกรองสุขภาพของประชาชนและบุคลากรของศาลปกครองที่เข้ามาในพื้นที่อาคารสำนักงานอย่างเหมาะสม รวมทั้งห้ามไม่ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตหรืออนุมัติให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองไปต่างประเทศหรือเดินทางไปราชการต่างประเทศ หรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จนถึงวันที่ 31 พ.ค. 63 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและต่อสังคมส่วนรวม