xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปค.ห้ามบุคลากรไปประเทศกลุ่มเสี่ยงโควิท19 ฝ่าฝืนโดนวินัย พร้อมตั้งจุดตรวจ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อติโชค ผลดี เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง (แฟ้มภาพ)
เลขาฯศาลปกครอง เผย ออกมาตรการคุมเข้มห้ามบุคลากรเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง พร้อมตั้งจุดตรวจคัดกรองก่อนเข้าพื้นที่อาคารศาลปกครอง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่มาติดต่อราชการ จากการแพร่ระบาดโคโรนา ฝ่าฝืนโดนวินัย

วันนี้( 28 ก.พ.) นายอติโชค ผลดี เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง เปิดเผยว่า ประธานศาลปกครองสูงสุด ในฐานะประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง (ก.บ.ศป.) ได้มีประกาศ ก.บ.ศป. กำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019 : COVID-19) เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคลากรศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง รวมทั้งเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง อันอาจก่อให้เกิดความเสียหาย แก่ราชการ และการอำนวยความยุติธรรมทางปกครองแก่ประชาชน ประธานศาลปกครองสูงสุด จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 41/8(1)และ (9) แห่ง พรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามมิให้ผู้มีอำนาจอนุญาตหรืออนุมัติให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองไปต่างประเทศหรือเดินทางไปราชการต่างประเทศ หรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.-31 พ.ค.63 หรือจนกว่า ก.บ.ศป. จะมีมติเป็นอย่างอื่น (รายชื่อประเทศกลุ่มเสี่ยงฯ ปรากฏตามประกาศที่แนบ) สำหรับข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองที่ได้รับอนุญาตหรืออนุมัติให้เดินทางไปราชการยังประเทศกลุ่มเสี่ยงแล้วก่อนประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ขอให้งดหรือเลื่อนการเดินทางออกไปให้พ้นระยะเวลาที่กำหนดในประกาศนี้ ยกเว้นกรณีมีเหตุผลหรือความจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางดังกล่าวได้ ให้ยื่นขออนุญาตต่อผู้มีอำนาจเพื่อพิจารณาเป็นรายกรณีไป และเมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว ให้ผู้นั้นมีหน้าที่แจ้งให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการพิจารณาสั่งให้ผู้นั้นหยุดราชการเป็นเวลา 14 วัน เพื่อแยกตัวเองและเฝ้าระวังอาการป่วย โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำการป้องกันควบคุมโรคไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด และเมื่อพ้นระยะเวลาตามที่กำหนดและไม่ปรากฏอาการใดให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ตามปกติ โดยให้สวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัดอีก14วัน ทั้งนี้ หากข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองรายใด

ซึ่งเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด หรือแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อมูลที่ควรแจ้ง ให้ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยกับบุคคลดังกล่าวตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ให้งดหรือเลื่อนการเชิญบุคคลจากต่างประเทศมาร่วมการประชุม สัมมนา หรือการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครองระหว่างระยะเวลาที่ประกาศกำหนดไว้ เว้นแต่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการประชุม สัมมนา หรือการดำเนินการดังกล่าวได้

เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่มาติดต่อขอรับบริการที่ศาลปกครอง เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในประกาศฉบับนี้ ยังได้กำหนดให้ศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครองเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยให้ดำเนินการคัดกรองอย่างเหมาะสมสำหรับประชาชนที่มาติดต่อราชการ เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และให้บริการหน้ากากอนามัย รวมทั้งจัดให้มีอุปกรณ์สำหรับการล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ และจัดสถานที่สำหรับล้างมือในจุดต่างๆ เช่น บริเวณทางเข้าอาคารสำนักงาน โถงลิฟท์ ห้องพิจารณาคดี โรงอาหาร เป็นต้น รวมทั้งต้องสร้างความตระหนักรู้และเน้นย้ำให้บุคลากรของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครองปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและต่อสังคมส่วนรวม


กำลังโหลดความคิดเห็น