ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ เสนอรัฐแก้วิกฤตโควิด-19 “หมอวาโย” สับช้ากว่าสถานการณ์กว่า 1 ก้าว แนะชั่งน้ำหนักเศรษฐกิจ ความมั่นคง สาธารณสุข เท่าเทียม จำกัดโควตาวีซ่า หรือเที่ยวบิน จี้กักตัวไม่ใช่แค่คนกลับจากเกาหลี กระจายหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง ด้าน “หมอเอกภพ” ชงเปิดเผยข้อมูลตรง และจริง ขณะที่ “สุเทพ” ซัดทำไม “ผีน้อย” เป็นบุคคลประเภท 2 ทั้งๆ ที่ทำงานได้เงินส่งกลับสู่ไทย ชูเป็นผู้ทำให้เกิดมูลค่า
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่ศูนย์ประสานงานอดีตพรรคอนาคตใหม่ ฝั่งธน เขตบางแค นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง หรือ เก่ง เดอะสตาร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิค-19 ว่า มาตรการภาครัฐมีความล่าช้ากว่าสถานการณ์อย่างน้อย 1 ก้าว ตลอดเวลา อย่างกรณีที่ผู้ใช้แรงงานที่เข้าไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้ ทั้งถูกและผิดกฎหมายยังขาดมาตรการการกักตัว จำกัดบริเวณอย่างเป็นรูปธรรมที่ดีเพียงพอ เพิ่งจะมีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขบังคับใช้เมื่อวันที่ 6 มี.ค.เป็นการล่าช้า เพราะมีกลุ่มที่เข้ามาแล้วหลายร้อยคน ก็ไม่ได้มีมาตรการอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่หลุดรอดออกไปถึง 70-80 คน เห็นได้ว่า การทำงานของรัฐมีจุดบกพร่องในเชิงปฏิบัติอยู่ ฝากรัฐบาลในมาตรการต่อไปต้องเตรียมบุคลากร อุปกรณ์ และสถานที่ให้รัดกุม การทำงานในตอนนี้ไม่ใช่แค่กระทรวงสาธารณสุขแต่มันต้องบูรณาการกระทรวงอื่นๆ ด้วย
นพ.วาโย กล่าวว่า นอกจากนี้ ไทยยังไม่มีการปิดกั้นหรือจำกัดเที่ยวบินที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เข้าใจได้ว่า รัฐบาลต้องการชั่งน้ำหนักระหว่างปัจจัยต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ปัญหาวิกฤตของคนในชาติในภายภาคหน้ามันจะหนักขึ้นกว่านี้ รัฐต้องชั่งน้ำหนักทั้ง 3 ปัจจัย ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสาธารณสุข อย่างเท่าเทียมกัน จึงเสนอให้รัฐมีโควตาในการขอตรวจลงตราวีซ่าเพื่อเข้าประเทศในกรณีที่ผู้เดินทางได้เดินทางมาถึงประเทศ (VISA on Arrival) หรือจำกัดเที่ยวบินในบางประเทศ อาจต้องใช้มาตรการกักตัวอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่แค่คนไทยที่กลับจากประเทศเกาหลีใต้
ส่วนปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนนั้น นพ.วาโย กล่าวว่า รัฐบาลต้องจัดองค์ความรู้เรื่องหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนอย่างที่ไม่สับสน ส่วนการกระจายตัวของหน้ากากนั้น ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงการจำหน่ายหน้ากากอย่างเท่าเทียมกัน ทั่วถึงด้วยราคาที่เป็นธรรม ไม่ใช่แจกที่กระทรวงสาธารณสุข และคนที่อยู่ชายแดนไม่มีสิทธิ์รับหรือ รัฐบาลควรมีการจัดการทางการขนส่ง การกระจายทรัพยากรอย่างถูกต้อง และแจกคนยากจน รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนที่ช่วยในการปฏิบัติภารกิจ
ด้าน นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย กล่าวว่า รัฐบาลควรดำเนินการอยู่บนข้อมูลและพื้นฐานทางวิชาการ ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำ ข้อมูลของการระบาดต้องเปิดเผย ตรง และจริง ที่จะใช้ควบคุมโรคได้ โดยเฉพาะการกระจายข้อมูลไปสู่บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งการกระจายหน้ากากไปยังบุคลากรทางการแพทย์ ส่วนปัญหาแรงงานที่กลับมาจากประเทศเสี่ยงนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือ คนที่กักตัวลำบาก และต้องช่วยเหลืออย่างไร รวมทั้งสนับสนุนข้อมูลให้ชุมชนได้ทราบ และรู้ข้อมูลที่แท้จริงด้วยกัน ขณะที่การฟื้นฟูก็ยังไม่เห็นการคาดการณ์ว่าการระบาดจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ จะทำให้สิ้นสุดเร็วอย่างไร มีกระบวนการแก้ไขทางเศรษฐกิจอย่างไร
ขณะที่ นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องมาดูทั้งในส่วนของการเลิกจ้างแรงงานที่ปิดกิจการ อุปกรณ์ทางการแพทย์ กองทุนเงินทดแทน รวมไปถึงกรณีจะงดการสมทบเงินประกันสังคม ส่วนประเด็นผีน้อยนั้น เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่ทำให้เกิดมูลค่า ไปทำงานต่างประเทศได้รับเงินเดือนกลับส่งมาสู่ประเทศไทย คนเหล่านั้นทำไมต้องโดนเป็นบุคคลประเภท 2 สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่รัฐจะต้องดูแล เมื่อกลับเข้ามาแล้ว อย่างนักศึกษาที่ไปเมืองจีน กลับมาก็มีมาตรการที่ดูแล แต่วันนี้พี่น้องที่เป็นผีน้อยหลายๆ ประเทศกลับมา การจัดการของรัฐทำอย่างไรกับเขา ให้กลับไปอยู่ที่บ้านแล้วการควบคุมต่างๆ เขาก็ควรเป็นคนที่ระดับเดียวกัน