เมืองไทย 360 องศา
เพิ่งมีการแถลงออกมาล่าสุดจากปากของ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ว่า ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงตำแหน่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยทั้งหมด และที่สำคัญก็คือ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยอีกด้วย ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ถือว่าน่าติดตามอย่างยิ่ง
แน่นอนว่า นาทีนี้สำหรับ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ในเวลานี้อาจจะไม่ใช่คนสำคัญในระดับ “วงในแถวหนึ่ง” ในพรรคเพื่อไทยที่ใกล้ชิดติดกับศูนย์อำนาจกับ “เจ้าของพรรค” แต่เมื่อได้รับตำแหน่งระดับรองหัวหน้าพรรคก็ย่อมถือว่า “มีเกรด” อยู่แล้ว เพราะแม้ว่าเธอไม่ได้เป็น ส.ส.แต่ก็สามารถรั้งตำแหนงรองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ก็ย่อมถือว่าใช้ได้ อย่างน้อยในระดับพื้นที่ในเขตเลือกตั้งจังหวัดพะเยา ที่เป็นฐานเสียงและตัวเองเคยเป็น ส.ส.มาก่อน ก็ถือว่าเป็นระดับแกนนำในพื้นที่ “ภาคเหนือตอนบน” นั่นแหละ
อย่างไรก็ดี การลาออกจากพรรคเพื่อไทยในแบบที่เรียกว่า “จากไปแบบไม่เหลียวหลัง” แบบนี้ของเธอก็ต้องบอกว่า “ไม่ธรรมดา” อย่างน้อยก็ต้องเกิดคำถามในพื้นที่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เพราะที่ผ่านมา นางลดาวัลลิ์ ถือว่ามีบทบาทออกมาให้สัมภาษณ์หรือแถลงโจมตีฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทยอย่างเข้มข้น
แต่ขณะเดียวกัน หลังการเลือกตั้ง และหลังจากที่พรรคเพื่อไทยมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ บทบาทของเธอในระยะหลังเรียกได้ว่า “หายเข้ากลีบเมฆ” ไปเลย จนแทบจะเรียกว่า หากเธอไม่มีการแถลงหรือให้ข่าวว่า “ยื่นใบลาออก” พ้นไปจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็คงลืมชื่อนี้กันไปแล้ว
แต่ที่น่าสนใจก็คือในคำแถลงของ เธอ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ดังกล่าวหากสังเกตให้ดีก็จะได้เห็น “ความนัย” บางอย่างที่สื่อสารออกมาให้เห็นชัด ก็คือ “อยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์” ในความหมายประมาณนั้น อีกทั้งยังบอกว่าต้องการ “มีพรรคการเมืองของตัวเอง” เป็นคำถามที่ชวนน่าติดตามว่าจะไปทางไหน
ขณะเดียวกัน เมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวของเธอในพรรคเพื่อไทยแล้ว อีกด้านหนึ่งก็เริ่มได้ความเคลื่อนไหวของการเมืองในอีกฟากหนึ่งอย่างพรรคพลังประชารัฐที่แสดงท่าที “แบะท่า” เข้าไปทาบทามให้มาร่วมพรรคทันที แม้ว่าในเวลานี้ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ จะระบุว่ายังไม่ได้สังกัดพรรคไหนก็ตาม แต่จากเสียงบ่นให้ได้ยินว่า “อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์” มันก็เหมือนกับการส่งสัญญาณแบบไม่แคร์ และพร้อมเป็นอิสระสามารถไปไหนก็ได้ในแบบที่มักอ้างกันว่า “อยู่ที่ไหนที่มีประโยชน์และทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้” อะไรประมาณนั้น
เมื่อท่าทีเป็นแบบนี้มันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าเธออาจจะย้ายไปสังกัดพรร
คพลังประชารัฐในอนาคตอันใกล้นี้ หรือไม่ อย่างน้อยก็เมื่อพิจารณาจากในพื้นที่ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เป็น ส.ส.พะเยา และยังเป็นแกนนำของพรรคในเขตภาคเหนือตอนบน มันก็เป็นไปได้ เพราะเมื่อประสานกันได้ ก็ไม่จำเป็นต้อง “ห้ำหั่น” กันให้เหนื่อย ซึ่งในทางการเมืองก็คงไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร
นอกเหนือจากนี้ หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ก็ต้องบอกว่า “เป็นไปได้” เพราะเมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวในแบบเชิงรุกในหลายพื้นที่เป้าหมาย โดยเริ่มที่ภาคอีสานที่ได้เห็นการ “สลายกลุ่มคนเสื้อแดง” การคืนธงแดง ยุบหมู่บ้านแดงในหลายพื้นที่ ที่เพิ่งปรากฏความเคลื่อนไหวดังกล่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็สะท้อนภาพให้เห็นอย่างดี
รวมไปถึงหากมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่มีการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ได้เห็นระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ย้ายพรรคมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐกันจำนวนมาก และมีการเคลื่อนไหวย้ายขั้วกันอย่างคึกคัก และหากพิจารณากันเป็นพื้นที่ก็ต้องบอกว่าพื้นที่ภาคอีสานที่เคยเรียกว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย และ “เครือข่ายทักษิณ” มาแต่เดิมก็ถือว่า “แตก” เรียบร้อยแล้ว
และพื้นที่ที่ต้องจับตากันต่อไป ก็คือ พื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่กำลังถูก “รุกคืบ” ขึ้นไปเรื่อยๆ หลังจากได้เห็น “รอยปริ” มาตั้งแต่เมื่อตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา และเมื่อมาถึงวันนี้ได้เห็น “อาการ” ของ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ แบบนี้มันก็ชัดเจนคงไม่ต้องอธิบายอะไรกันให้มากความ
เมื่อพิจารณาจากทุกความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาทั้งหมด ก็มั่นใจได้ว่า ฐานที่มั่นเดิมของพรรคเพื่อไทยทั้งในภาคอีสานและล่าสุดในภาคเหนือตอนบนกำลังจับตากันว่าจะ “แตก” ตามมาอีกหรือไม่ ซึ่งในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเกิดภาพดังกล่าวขึ้นมา เมื่อสภาพภายในพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างที่เห็นในเวลานี้ ที่สำคัญ เมื่อ “นายใหญ่ลอยแพ” มันก็ต้องทางใครทางมันเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ดีล่าสุด แม้ว่า นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ จะโพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลฯในทำนองยืนยันว่าในเวลานี้ยังไม่ไปไหน และขอบคุณคนของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีท่าทีชักชวนเข้าพรรคก็ตาม แต่เอาเป็นว่าเส้นทางข้างหน้าก็ต้องจับตามองว่าเธอจะไปทางไหน หรือว่าจะไปร่วมกับพรรคใหม่ที่มี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส่งไม้ต่อให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 8 มีนาคมนี้หรือไม่
เอาเป็นว่านาทีนี้การเมืองเป็นไปได้ทุกทาง อย่างน้อยก็ได้เห็นคนอย่าง นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ออกมาจากพรรคเพื่อไทยแบบไม่ไยดีด้วยเสียงบ่นดังๆ ว่า อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่สถานีต่อไปจะไปทางไหนก็น่าจับตา แต่อย่างน้อยสำหรับพรรคเพื่อไทยก็มี “ไหลออก” ไม่มีไหลเข้าก็แล้วกัน !!