เพิ่งมีการแถลงออกมาล่าสุดจากปากของนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ว่าได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงตำแหน่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยทั้งหมด และที่สำคัญก็คือได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยอีกด้วย ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ถือว่าน่าติดตามอย่างยิ่ง
แน่นอนว่านาทีนี้ สำหรับนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อาจจะไม่ใช่คนสำคัญในระดับ“วงในแถวหนึ่ง”ในพรรคเพื่อไทย ที่ใกล้ชิดติดศูนย์อำนาจกับ “เจ้าของพรรค”แต่เมื่อได้รับตำแหน่งระดับรองหัวหน้าพรรค ก็ย่อมถือว่า“มีเกรด”อยู่แล้ว เพราะแม้ว่าเธอไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ก็สามารถรั้งตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคก็ย่อมถือว่าใช้ได้ อย่างน้อยในระดับพื้นที่ในเขตเลือกตั้งจังหวัดพะเยา ที่เป็นฐานเสียงและตัวเองเคยเป็น ส.ส.มาก่อน ก็ถือว่าเป็นระดับแกนนำในพื้นที่ “ภาคเหนือตอนบน”นั่นแหละ
อย่างไรก็ดี การลาออกจากพรรคเพื่อไทยในแบบที่เรียกว่า “จากไปแบบไม่เหลียวหลัง”แบบนี้ของเธอก็ต้องบอกว่า “ไม่ธรรมดา”อย่างน้อยก็ต้องเกิดคำถามในพื้นที่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เพราะที่ผ่านมานางลดาวัลลิ์ ถือว่ามีบทบาท ออกมาให้สัมภาษณ์หรือแถลงโจมตีฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะรัฐบาล “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทยอย่างเข้มข้น
แต่ขณะเดียวกัน หลังการเลือกตั้งและหลังจากที่พรรคเพื่อไทย มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ บทบาทของเธอในระยะหลังเรียกได้ว่า“หายเข้ากลีบเมฆ”ไปเลย จนแทบจะเรียกว่า หากเธอไม่มีการแถลง หรือให้ข่าวว่า “ยื่นใบลาออก”พ้นไปจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็คงลืมชื่อนี้กันไปแล้ว
**แต่ที่น่าสนใจก็คือ ในคำแถลงของเธอ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ดังกล่าวหากสังเกตให้ดีก็จะได้เห็น “ความนัย”บางอย่างที่สื่อสารออกมาให้เห็นชัดก็คือ “อยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์”ในความหมายประมาณนั้น อีกทั้งยังบอกว่าต้องการ“มีพรรคการเมืองของตัวเอง”เป็นคำถามที่ชวนติดตาม ว่าจะไปทางไหน
ขณะเดียวกันเมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวของเธอในพรรคเพื่อไทยแล้ว อีกด้านหนึ่งก็เริ่มได้ความเคลื่อนไหวของการเมืองในอีกฟากหนึ่ง อย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่แสดงท่าที “แบะท่า”เข้าไปทาบทามให้มาร่วมพรรคทันที แม้ว่าในเวลานี้ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ จะระบุว่า ยังไม่ได้สังกัดพรรคไหนก็ตาม แต่จากเสียงบ่นให้ได้ยินว่า“อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์”มันก็เหมือนกับการส่งสัญญาณแบบไม่แคร์ และพร้อมเป็นอิสระ สามารถไปไหนก็ได้ ในแบบที่มักอ้างกันว่า “อยู่ที่ไหนที่มีประโยชน์และทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้”อะไรประมาณนั้น
เมื่อท่าทีเป็นแบบนี้ มันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าเธออาจจะย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐในอนาคตอันใกล้นี้ หรือไม่ อย่างน้อยก็เมื่อพิจารณาจากในพื้นที่ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เป็นส.ส.พะเยา และยังเป็นแกนนำของพรรคในเขตภาคเหนือตอนบน มันก็เป็นไปได้ เพราะเมื่อประสานกันได้ ก็ไม่จำเป็นต้อง “ห้ำหั่น”กันให้เหนื่อย ซึ่งในทางการเมืองก็คงไม่มีมิตรแท้ หรือศัตรูถาวร
**นอกเหนือจากนี้ หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ก็ต้องบอกว่า “เป็นไปได้”เพราะเมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวในแบบเชิงรุกในหลายพื้นที่เป้าหมาย โดยเริ่มที่ภาคอีสาน ที่ได้เห็นการ “สลายกลุ่มคนเสื้อแดง”การคืนธงแดง ยุบหมู่บ้านแดงในหลายพื้นที่ ที่เพิ่งปรากฏความเคลื่อนไหวดังกล่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็สะท้อนภาพให้เห็นอย่างดี
รวมไปถึงหากมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่มีการเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็ได้เห็นระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่ย้ายพรรคมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐกันจำนวนมาก และมีการเคลื่อนไหวย้ายขั้วกันอย่างคึกคัก และหากพิจารณากันเป็นพื้นที่ ก็ต้องบอกว่าพื้นที่ภาคอีสานที่เคยเรียกว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย และ “เครือข่ายทักษิณ”มาแต่เดิมก็ถือว่า “แตก”เรียบร้อยแล้ว
และพื้นที่ที่ต้องจับตากันต่อไปก็คือ พื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่กำลังถูก “รุกคืบ”ขึ้นไปเรื่อยๆ หลังจากได้เห็น “รอบปริ”มาตั้งแต่เมื่อตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา และเมื่อมาถึงวันนี้ได้เห็น “อาการ”ของ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ แบบนี้มันก็ชัดเจน คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันให้มากความ
เมื่อพิจารณาจากทุกความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาทั้งหมด ก็มั่นใจได้ว่าฐานที่มั่นเดิมของพรรคเพื่อไทย ทั้งในภาคอีสานและล่าสุดในภาคเหนือตอนบน กำลังจับตากันว่าจะ “แตก”ตามมาอีกหรือไม่ ซึ่งในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเกิดภาพดังกล่าวขึ้นมา เมื่อสภาพภายในพรรคเพื่อไทย เป็นอย่างที่เห็นในเวลานี้
**ที่สำคัญเมื่อ “นายใหญ่ลอยแพ”มันก็ต้องทางใครทางมันเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ดี ล่าสุด แม้ว่านางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ จะโพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลฯ ในทำนองยืนยันว่าในเวลานี้ยังไม่ไปไหน และขอบคุณคนของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีท่าทีชักชวนเข้าพรรคก็ตาม แต่เอาเป็นว่าเส้นทางข้างหน้าก็ต้องจับตามองว่าเธอจะไปทางไหน หรือว่าจะไปร่วมกับพรรคใหม่ ที่มี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส่งไม้ต่อให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 8 มีนาคมนี้ หรือไม่
**เอาเป็นว่านาทีนี้การเมืองเป็นไปได้ทุกทาง อย่างน้อยก็ได้เห็นคนอย่าง นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ออกมาจากพรรคเพื่อไทยแบบไม่ใยดีด้วยเสียงบ่นดังๆ ว่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่สถานีต่อไปจะไปทางไหนก็น่าจับตา แต่อย่างน้อยสำหรับพรรคเพื่อไทยก็มี “ไหลออก”ไม่มีไหลเข้าก็แล้วกัน !!
แน่นอนว่านาทีนี้ สำหรับนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อาจจะไม่ใช่คนสำคัญในระดับ“วงในแถวหนึ่ง”ในพรรคเพื่อไทย ที่ใกล้ชิดติดศูนย์อำนาจกับ “เจ้าของพรรค”แต่เมื่อได้รับตำแหน่งระดับรองหัวหน้าพรรค ก็ย่อมถือว่า“มีเกรด”อยู่แล้ว เพราะแม้ว่าเธอไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ก็สามารถรั้งตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคก็ย่อมถือว่าใช้ได้ อย่างน้อยในระดับพื้นที่ในเขตเลือกตั้งจังหวัดพะเยา ที่เป็นฐานเสียงและตัวเองเคยเป็น ส.ส.มาก่อน ก็ถือว่าเป็นระดับแกนนำในพื้นที่ “ภาคเหนือตอนบน”นั่นแหละ
อย่างไรก็ดี การลาออกจากพรรคเพื่อไทยในแบบที่เรียกว่า “จากไปแบบไม่เหลียวหลัง”แบบนี้ของเธอก็ต้องบอกว่า “ไม่ธรรมดา”อย่างน้อยก็ต้องเกิดคำถามในพื้นที่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เพราะที่ผ่านมานางลดาวัลลิ์ ถือว่ามีบทบาท ออกมาให้สัมภาษณ์หรือแถลงโจมตีฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะรัฐบาล “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทยอย่างเข้มข้น
แต่ขณะเดียวกัน หลังการเลือกตั้งและหลังจากที่พรรคเพื่อไทย มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ บทบาทของเธอในระยะหลังเรียกได้ว่า“หายเข้ากลีบเมฆ”ไปเลย จนแทบจะเรียกว่า หากเธอไม่มีการแถลง หรือให้ข่าวว่า “ยื่นใบลาออก”พ้นไปจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็คงลืมชื่อนี้กันไปแล้ว
**แต่ที่น่าสนใจก็คือ ในคำแถลงของเธอ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ดังกล่าวหากสังเกตให้ดีก็จะได้เห็น “ความนัย”บางอย่างที่สื่อสารออกมาให้เห็นชัดก็คือ “อยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์”ในความหมายประมาณนั้น อีกทั้งยังบอกว่าต้องการ“มีพรรคการเมืองของตัวเอง”เป็นคำถามที่ชวนติดตาม ว่าจะไปทางไหน
ขณะเดียวกันเมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวของเธอในพรรคเพื่อไทยแล้ว อีกด้านหนึ่งก็เริ่มได้ความเคลื่อนไหวของการเมืองในอีกฟากหนึ่ง อย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่แสดงท่าที “แบะท่า”เข้าไปทาบทามให้มาร่วมพรรคทันที แม้ว่าในเวลานี้ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ จะระบุว่า ยังไม่ได้สังกัดพรรคไหนก็ตาม แต่จากเสียงบ่นให้ได้ยินว่า“อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์”มันก็เหมือนกับการส่งสัญญาณแบบไม่แคร์ และพร้อมเป็นอิสระ สามารถไปไหนก็ได้ ในแบบที่มักอ้างกันว่า “อยู่ที่ไหนที่มีประโยชน์และทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้”อะไรประมาณนั้น
เมื่อท่าทีเป็นแบบนี้ มันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าเธออาจจะย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐในอนาคตอันใกล้นี้ หรือไม่ อย่างน้อยก็เมื่อพิจารณาจากในพื้นที่ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เป็นส.ส.พะเยา และยังเป็นแกนนำของพรรคในเขตภาคเหนือตอนบน มันก็เป็นไปได้ เพราะเมื่อประสานกันได้ ก็ไม่จำเป็นต้อง “ห้ำหั่น”กันให้เหนื่อย ซึ่งในทางการเมืองก็คงไม่มีมิตรแท้ หรือศัตรูถาวร
**นอกเหนือจากนี้ หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ก็ต้องบอกว่า “เป็นไปได้”เพราะเมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวในแบบเชิงรุกในหลายพื้นที่เป้าหมาย โดยเริ่มที่ภาคอีสาน ที่ได้เห็นการ “สลายกลุ่มคนเสื้อแดง”การคืนธงแดง ยุบหมู่บ้านแดงในหลายพื้นที่ ที่เพิ่งปรากฏความเคลื่อนไหวดังกล่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็สะท้อนภาพให้เห็นอย่างดี
รวมไปถึงหากมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่มีการเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็ได้เห็นระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่ย้ายพรรคมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐกันจำนวนมาก และมีการเคลื่อนไหวย้ายขั้วกันอย่างคึกคัก และหากพิจารณากันเป็นพื้นที่ ก็ต้องบอกว่าพื้นที่ภาคอีสานที่เคยเรียกว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย และ “เครือข่ายทักษิณ”มาแต่เดิมก็ถือว่า “แตก”เรียบร้อยแล้ว
และพื้นที่ที่ต้องจับตากันต่อไปก็คือ พื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่กำลังถูก “รุกคืบ”ขึ้นไปเรื่อยๆ หลังจากได้เห็น “รอบปริ”มาตั้งแต่เมื่อตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา และเมื่อมาถึงวันนี้ได้เห็น “อาการ”ของ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ แบบนี้มันก็ชัดเจน คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันให้มากความ
เมื่อพิจารณาจากทุกความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาทั้งหมด ก็มั่นใจได้ว่าฐานที่มั่นเดิมของพรรคเพื่อไทย ทั้งในภาคอีสานและล่าสุดในภาคเหนือตอนบน กำลังจับตากันว่าจะ “แตก”ตามมาอีกหรือไม่ ซึ่งในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเกิดภาพดังกล่าวขึ้นมา เมื่อสภาพภายในพรรคเพื่อไทย เป็นอย่างที่เห็นในเวลานี้
**ที่สำคัญเมื่อ “นายใหญ่ลอยแพ”มันก็ต้องทางใครทางมันเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ดี ล่าสุด แม้ว่านางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ จะโพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลฯ ในทำนองยืนยันว่าในเวลานี้ยังไม่ไปไหน และขอบคุณคนของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีท่าทีชักชวนเข้าพรรคก็ตาม แต่เอาเป็นว่าเส้นทางข้างหน้าก็ต้องจับตามองว่าเธอจะไปทางไหน หรือว่าจะไปร่วมกับพรรคใหม่ ที่มี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส่งไม้ต่อให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 8 มีนาคมนี้ หรือไม่
**เอาเป็นว่านาทีนี้การเมืองเป็นไปได้ทุกทาง อย่างน้อยก็ได้เห็นคนอย่าง นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ออกมาจากพรรคเพื่อไทยแบบไม่ใยดีด้วยเสียงบ่นดังๆ ว่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่สถานีต่อไปจะไปทางไหนก็น่าจับตา แต่อย่างน้อยสำหรับพรรคเพื่อไทยก็มี “ไหลออก”ไม่มีไหลเข้าก็แล้วกัน !!