เด็ก พท.ปูดรัฐแก้ กม.ช่วยฟิลลิปมอร์ริส-ทุจริตซื้อรถถังยูเครน ท้า “บิ๊กตู่” กระสุนคนละนัด

พท.ส่ง “ศรัณย์วุฒิ” ซักฟอกแฉ “นายกฯ-ดอน-วิษณุ” แก้ กม.ลดค่าปรับช่วยฟิลลิปมอร์ริส ทำยาสูบไทยตาย พลาดค่าปรับ 8 หมื่นกว่าล้าน จ่อยกพื้นที่ยาสูบให้เจ้าสัว จ. ปูดพิรุธจัดซื้อรถถังยูเครนไม่ใช่จีทูจี ก่อนท้านายกฯ ไปวัดพระแก้ว กระสุนคนละนัด

วันนี้ (27 ก.พ.) นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็นการต่อสัมปทานของบริษัท ฟิลลิปมอร์ริส ที่จะต้องจ่ายค่าปรับให้กับไทย 84,000 ล้านบาท แต่ถูกเตะถ่วงโดยนายดอนจนเหลือค่าปรับแค่ 1,225 ล้านบาท ทั้งที่บริษัทนี้เป็นบริษัทผีที่ไม่เปิดหน้าผู้บริหาร โกงภาษีมาจากหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแพ้คดีที่สหรัฐอเมริกา 25 มีนาคม 2540 รวมถึงแพ้คดีที่ยุโรปและโคลอมเบียต่อมา บริษัทนี้มีพฤติกรรมยึดตลาดไทยโดยนำบุหรี่เข้ามาจากมาเลเซีย และส่งเข้ามาราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ศาลไทยชี้ว่าบริษัทนี้มีความผิดจริงในข้อหาสำแดงราคาเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ในราคา 7.76 บาท ขณะที่บุหรี่ประเภทเดียวกันคิงเพาเวอร์นำเข้า 27.46 บาท ทำให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นคือ 84,000 ล้านบาท ซึ่งถูกสั่งฟ้องในวันที่ 3 ต.ค. 2556 สมัยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และวันที่ 22 ส.ค. 2557 พล.อ.ประยุทธ์ไปนั่งเป็นประธานหัวโต๊ะในการประชุม กรอ. โดยเห็นว่าถ้าไม่มีเจตนาก็ลงโทษไม่ได้ มีทางแก้ 2 เรื่อง ทางด้านกรมศุลกากรไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาให้บริษัทนี้ แต่นายกฯ สั่งการให้ศุลกากรหารือกับเอกชนถึงทางแก้ สุดท้ายเป็นการเปิดช่องแก้กฎหมาย มาตรา 27 ทำให้ค่าปรับลดลงไปเหลือ 1,225 ล้านบาท เป็นที่น่าสงสัยว่ารัฐบาลมีส่วนได้เสียจากค่าปรับที่ลดลงหรือไม่

ต่อมานายวิษณุได้เรียกประชุม DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเจรจาหาทางกลับคำของอัยการสูงสุดเพื่อไม่สั่งฟ้องได้หรือไม่ โดยตนมีหลักฐานจากมติชนออนไลน์ลงข่าวว่า นายวิษณุพยายามกดดันให้หน่วยงานต่างๆ ช่วยเหลือบริษัทนี้ แต่การแทรกแซงเตะถ่วงไม่สำเร็จ เพราะอัยการสูงสุดยืนยันว่าต้องฟ้อง

ต่อมาวันที่ 21 ก.ค. 2558 พล.อ.ประยุทธ์ ประชุม ครม.และอนุมัติให้แก้ไข พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 27 เรื่องฐานความผิดความผิด จึงค่อยสั่งฟ้องวันที่ 18 ม.ค. 2559 เป็นการดึงล่าช้ากว่า 3 ปีจนทำให้หลายคดีหมดอายุความ เหลือแค่ 272 ใบขนสินค้า ราคารวมหมื่นกว่าล้าน และถ้าคิดค่าปรับคือคูณ 4 ก็รวมแล้วกว่า 8 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2559 ทาง WTO ตัดสินให้ไทยแพ้ เพียงเพราะว่ากรมศุลกากรไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอน

ครม.ได้ส่งร่างกฎหมายให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2559 และสนช.ผ่านร่างกฎหมายเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2560 โดยบังคับใช้เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2560 ทั้งที่การตัดสินของ WTO ไม่ใช่กฎหมายบกพร่อง เพราะไม่ผูกพันกับกฎหมายไทย ไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมาย จึงเป็นการใช้เทคนิคเพื่อช่วยต่างชาติ ทำให้ลดภาษีที่ควรจะปรับ 8 หมื่นล้านบาทเหลือ 1 พันกว่าล้านบาท แทนที่จะแก้กฎหมายแค่ 2 เรื่องตามที่เอกชนร้องขอ แต่กลับไปแก้ในส่วนที่บริษัทต่างชาติได้ประโยชน์ และเมื่อกฎหมายออกแล้วรัฐบาลก็ไปเร่งให้มีการสืบหาพยาน หลังจากยื้อคดีมาแล้ว 2 ปี แต่อย่างไรก็อาจจะทำให้เจ้าของบริษัทดังกล่าวติดคุก นายวิษณุจึงช่วยเหลือโดยการยื่นหนังสือไปที่ศาลอ้างกระทบรูปคดีของ WTO

ด้านนายดอนได้มีหนังสือถึงนายวิษณุ เรื่องความเห็นเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาท กดดันเจ้าหน้าที่ไทยควรยื่นอุทธรณ์ต่อ WTO หรือไม่ และอ้างว่าไทยจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมาย ม.27 ทั้งที่ WTO ชี้ว่าไทยผิดเพียงขั้นตอนปฏิบัติ แต่นายดอนกลับอ้างว่าต้องแก้กฎหมาย ทำให้จากเดิมมาตรา 27 ระบุว่าต้องปรับ 4 เท่า ถูกแก้เป็น ม.242 ม.243 ให้ปรับเฉพาะกรณีฉ้ออากร เหลือแค่ 20 กว่าล้าน

ต่อมาวันที่ 7 มี.ค. 2562 นายดอนมีหนังสือให้อัยการสูงสุดนำคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ และมีหนังสือให้สถานทูตไทยที่สหรัฐอเมริการับข้อมูลของบริษัทนี้ให้ไทยถอนฟ้อง และรับข้อเสนอในการต่อรองของบริษัทดังกล่าว และเมื่อ 29 มี.ค. 2562 มีหนังสือของกระทรวงที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอของบริษัทดังกล่าว และ 9 พ.ย. 2562 ศาลสั่งปรับตามมาตรา 242 พ.ร.บ.ศุลกากร ปรับ 1,225 ล้านบาท และจำเลยที่ 2-8 ยกฟ้อง อย่างไรก็ตามความผิดยังไม่หมด เพราะนอกจากภาษีศุลกากรแล้วยังมี หลีกเลี่ยง VAT ต้องผิดกฎหมายอาญาติดคุก 7,364 ปี ซึ่งทีมกฎหมายของฝ่ายค้านได้ทำงานร่วมกันอย่างหนัก เห็นว่าบริษัทนี้จะตายน้ำตื้น แต่รัฐบาลจะมีความช่วยเหลือไม่ให้ติดคุกอย่างไรต้องติดตามชมกันต่อ ขณะเดียวกันผลของการกระทำผิดนี้ กระทบต่อโรงงานยาสูบไทยเจ๊งทั้งระบบ กระทบคนมากกว่า 2 ล้านชีวิต

นายศรัณย์วุฒิกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งเพื่อนนายพล ว. เข้าไปดูแลโรงงานยาสูบ และตั้ง พล.อ. ส. เข้าไปเป็นประธานคุมกิจการยาสูบ ทั้งคู่ใจตรงกันตั้งนางสาว ด. เป็นกรรมการอำนวยการรักษาการ ผอ.โรงงานยาสูบ ก่อนที่จะได้เป็น ผอ.ในเวลาต่อมา โดยที่คุณสมบัติไม่ครบ และหลังจากนั้นถ้าใครจะประมูลงานของโรงงานยาสูบต้องผ่านบริษัท อัพ ด. แก้มาตรา 16 ให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังรับผิดชอบแทนนายกรัฐมนตรีเป็นการป้องกัน แต่การบริหารงานที่ผ่านมา มีการคอร์รัปชั่นงบไลน์ผลิตใหม่และงบเครื่องจักรใหม่ และบริษัทที่ประมูลงานล่าช้า 10 เดือน เครื่องจักรเดินไม่ได้ รวม 3 โครงการผ่านงบไป 3,770 ล้าน อีกทั้งเมื่อเดินเครื่องผลิตไม่ได้ก็โดนเอกชนฟ้องเรียกค่าเสียหาอีก แต่ทำไมโรงงานยาสูบได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นจากนายกรัฐมนตรี ขณะที่การเก็บภาษียาสูบสูตรใหม่เก็บภาษี 20-40% แต่ ผอ.โรงงานยาสูบกลับตั้งราคาบุหรี่เกิน 60 บาท คือ 63 บาท ทำให้ต้องเสียภาษี 40% ทำให้บุหรี่ไทยแพ้บุหรี่นอก บุหรี่นอกยอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราการขึ้นภาษีแบบนี้ทำให้บุหรี่ไทยเจ๊ง ชาวไร่ยาสูบก็เสียหายตามไปด้วย ซึ่งตอนนี้ทีมกฎหมายร่างคำฟ้องไว้แล้ว

อีกทั้งยังยกเลิก ร.ย.ส.เดิมออกกฎหมายเป็น พ.ร.บ.ยาสูบ แต่แก้ให้โอนทรัพย์สินจากที่พัสดุเป็น ก.ย.ส. และให้เอกชนมาใช้ประโยชน์ได้ ให้เจ้าสัวเอาพื้นที่ว่างไปทำสวนสาธารณะศูนย์สิริกิติ์ เป็นแผนฮุบที่โรงงานยาสูบ และต่อสัญญา 50 ปี ซึ่งใกล้จะหมดสัมปทาน อาจปรับแผนจากการทำสวนสาธารณะเป็นห้างสรรสินค้า และถ้ายาสูบเจ๊งก็ยึดที่ยาสูบต่อ เจ้าสัว จ.ได้สิทธิพิเศษ ซึ่งจะเกิดโครงการพิเศษจากสามย่านมิดทาวน์-One Bangkok-โรงงานยาสูบ และสวนสาธารณะศูนย์ฯ สิริกิติ์ ถ้าวิเคราะห์กันแล้วที่ดินของโรงงานยาสูบเป็นเหมือนที่ตาบอด เพราะมีทางเข้าเล็กๆ แต่ถ้าจะเข้าประตูใหญ่ต้องเข้าผ่านศูนย์สิริติ์ แต่ด้านล่างมีผังที่จอดรถใต้ดินขนาดใหญ่มาก ตนเห็นได้ว่ามีความพยายามที่จะเอื้อให้เจ้าสัวฮุบที่โรงงานยาสูบ ทั้งเส้นคลองเตย พระรามสี่ ก็จะกลายเป็นย่านการค้าใหม่ของเจ้าสัว จ.

นายศรัณย์วุฒิกล่าวว่า ขณะเดียวกันมีการจัดตั้งบริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ ของนายทุนที่มีความเกี่ยวกันกับเจ้าสัวก็ตั้งบนประเทศที่เป็นเกาะบริติชเวอร์จิ้น เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี และเป็นบริษัทที่ซื้อที่ดินบ่อปลาของ พล.อ.ประยุทธ์ 9 แปลง ราคา 600 ล้านบาท มากกว่าการประเมิน 3 เท่า การสร้างถนนจากเส้นตรงก็โค้งผ่านหน้าที่ดินที่นายกฯ ขายให้เจ้าสัว และที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่าไม่ทราบเพราะเป็นที่ดินของพ่อ แต่ว่าศาลก็เคยมีคำสั่งให้พี่ของนายกฯ เป็นบุคคลไร้ความสามารถและให้นายกฯ เป็นผู้อนุบาล และนายกรัฐมนตรีต้องจ่ายภาษี 16 ล้านบาทจากการขายที่ดิน 600 ล้านบาทหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีซอยที่ดินออกเป็น 9 แปลงเพื่อลดภาษี และตนก็ทวงถามใบ ภ.ง.ด.90 ว่าจ่ายภาษีหรือยัง ทั้งที่เคยบอกว่าคนจนไม่เสียภาษี และถ้ายังไม่จ่ายต้องจ่ายภาษีเพิ่มเบี้ยปรับ 41 ล้าน พร้อมกล่าวย้ำว่านายกฯ หนีภาษีที่ต้องเสียทั้งสองกรรม และเพื่อแสดงว่าตนไม่ได้พูดจาเลื่อนลอย นายศรัณย์วุฒิจึงยื่นเอกสารฟ้องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งยอมรับว่าการเป็นฝ่ายค้านทำงานลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่กลัวอำนาจรัฐไม่กล้าให้ข้อมูล

นอกจากนี้ นายศรัณย์วุฒิยังได้อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ประเด็นซื้อรถถังยูเครน 7 พันล้านบาท แต่ส่งมอบล่าช้า 4 ปี ว่ามีค่าปรับหรือไม่ และมีคนไทยคนหนึ่งที่เข้าไปทำงานในสถานทูตเข้าไปเป็นตัวแทนในการเจรจาก่อนทำสัญญาของประเทศยูเครนเพื่อซื้ออาวุธ แทนที่จะเป็นการซื้อระหว่างรัฐกับรัฐ แต่กลับเป็นการซื้อผ่านตัวแทน ตนมองว่าเป็นเคสเดียวกับคดีจำนำข้าวของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ดังนั้นจึงคิดว่าศาลจะตัดสินให้ไม่รอดคดี และมีการจ่ายเงินให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และประเทศยูเครนส่งเรื่องสอบสวนมาที่ประเทศไทย แต่มีคนเก็บเรื่องไว้ ซึ่งบุคคลคนนี้ก็มีประวัติเคยเปลี่ยนชื่อทุกครั้งที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาซื้อขายยุทโธปกรณ์ ซึ่งพอตนไปสืบดูก็พบว่าบ้านคู่สัญญามีสภาพทรุดโทรมไม่สมเหตุผล อีกทั้งยังมีพิรุธเรื่องคู่เทียบ และสภาพรถถังที่ได้รับมาก็ทรุดโทรม รถใหม่ป้ายแดงแต่กลับมีควันดำ ขณะเดียวกันการเดินทางไปทำสัญญาที่ยูเครนกลับมีนายทหารไปพร้อม พล.อ.ประยุทธ์ 35 คน ซึ่งผิดปกติที่คู่ค้ามีกำไรมากขนาดนี้จึงมีงบประมาณมาต้อนรับ หรือว่ารัฐบาลไทยออกเองก็ถือว่าสิ้นเปลืองงบประมาณ และบุคคลฝั่งยูเครนที่ถูกสอบสวนก็หนีการจับจุม ซึ่งรถถังที่สั่งซื้อมาก็เป็นรถเก่ายังไม่ทันใช้ก็มีวันดำที่มีผู้เชี่ยวชาญในกองทัพเคยเตือนแล้ว

“สรุปแล้วหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมาบริหารงาน ผลาญงบประมาณประเทศจนคลังถังแตก แต่ก็มักจะกล่าวว่าเสียสละและเหนื่อย คนทำเลวก็ฟอกให้เป็นคนดีได้ถ้ายอมศิโรราบ ใช้มาตรา 44 ไปทำร้ายคนหลายชีวิต”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสรุปการอภิปรายของนายศรัณย์วุฒิได้มีการประท้วงกันต่อเนื่องจากฝ่ายรัฐบาล เพราะมีการพาดพิงถึงความจงรักภักดี รวมถึงนายศรัณย์วุฒิยังพูดทำนองว่าได้มีการสั่งเสียกับบุตรแล้ว พร้อมทั้งท้าทายนายกรัฐมนตรีให้ไปสาบานวัดพระแก้วด้วยกัน และกล่าวจนไปถึงให้เตรียมกระสุนมาด้วยคนละหนึ่งนัด