ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ระเบิดเวลาที่ดีเอสไอ น่าเป็นห่วง จังหวะ อธิบดี พ.ต.อ.ไพสิฐ ป่วยความดันสูง เพราะเครียดหนัก คดีใหญ่รุมเร้า รอปะทุ
ถามไถ่กันมาว่า ช่วงนี้ "พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หายไปไหน ด้วยห่างหายไปจากหน้าสื่อนานพอสมควร เช็กข่าวแล้วก็ทราบว่าท่านไม่สบาย ต้องเข้ารับการบำบัดรักษา
ต้องขอแสดงความห่วงใยมายัง "ท่านอธิบดีไพสิฐ "มา ณ ที่นี้ด้วย ซึ่งระหว่างนี้งานที่อธิบดีทำ ต้องให้รองอธิบดี ดีเอสไอ รักษาราชการแทน ทำงานไปพลางๆ ก่อน ซึ่งนานแค่ไหนที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ จะสามารถกลับมาลุยงานใหม่ได้ ผู้ใกล้ชิดอธิบดีบอกว่า ยังไม่ทราบแน่ชัด เพราะปกติ ติดต่อได้ทางไลน์ ก็เงียบไปไม่ตอบมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว
"พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง" เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 38 (นรต.38) รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากจบมาก็รับราชการตำรวจ มีความก้าวหน้ามาเป็นลำดับ กระทั่งปี 2545 ขึ้นเป็น ผกก.สภ.อ.บ้านบึง ภ.จว.ชลบุรี
จากนั้นโอนย้ายมาสังกัด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม เมื่อปี 2547 ในตำแหน่ง หัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวน ชุดที่ 1 ส่วนสืบสวนสะกดรอย และ เติบโตในสายงานที่ ดีเอสไอ จนได้เป็น รองอธิบดี ดีเอสไอ เมื่อปี 2556 และขึ้นเป็น อธิบดี ดีเอสไอ เมื่อปี 2558
จากความเจ็บไข้ได้ป่วยของ"อธิบดีไพสิฐ" ครั้งนี้ คนใกล้ชิดบอกว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากความครียด ส่งผลต่ออาการความดันโลหิตสูงที่เป็นอยู่แล้วทำให้ร่างกายรับไม่ไหว... เนื่องเพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นหน่วยงานที่ได้รับการคาดหวังจากสังคมสูง คดีที่มาถึงมือดีเอสไอจำนวนมาก และส่วนมากก็เป็น "คดีใหญ่" ที่อยู่ในความสนใจของสังคม พฤติกรรมการกระทำความผิด มีความซับซ้อน มูลค่าความเสียหายคิดเป็นเงินจำนวนมาก ยากแก่การคลี่คลาย
ที่สำคัญมักเป็นคดีที่มี "ผู้มีอิทธิพล" ในวงการต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง... "พ.ต.อ.ไพสิฐ" ในฐานะ "เบอร์หนึ่ง" ของดีเอสไอ จึงต้องเจอกับแรงกดดันในการปฏิบัติหน้าที่อยู่ตลอดเวลา ย่อมเกิดความเครียดสะสมได้
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงต้นปี 2560 ที่ต้องรับผิดชอบในการสอบสวนดำเนินคดี "ธัมมชโย" อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กรณีได้รับเงินที่เกิดจากการทุจริตของ อดีตผู้บริหาร สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กว่า 1,400 ล้านบาท ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร แต่ "ธัมมชโย" ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ศาลต้องออกหมายจับ แต่ ดีเอสไอ ก็เข้าไม่ถึงตัว "ธัมมชโย" ต้องประสานกับทางรัฐบาล ใช้อำนาจ ม. 44 ระดมกำลังทหาร ตำรวจล้อมวัด เข้าค้นภายในวัด แต่ก็ถูกต้านจากกลุ่มสาวก เรียกว่าปฏิบัติการปิดล้อมวัดธรรมกายอยู่เป็นเดือน สุดท้าย "ธัมมชโย" ก็หลบหนีไปได้ ถึงวันนี้ก็ยังปิดคดีไม่ลง
จากธรรมกายว่าหนักแล้ว ยังมีคดี แชร์ลูกโซ่ "แชร์ฟอเร็กซ์ 3-ดี" ที่มีความซับซ้อน มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามาประกอบกระบวนการโกง การฟอกเงิน หรือ "แชร์แม่มณี" ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก
หนักที่สุดที่คนใกล้ชิดบอกว่า ท่านอธิบดีเครียดมากก็เห็นจะเป็นกรณี การเสียชีวิตของ "นายธวัชชัย อนุกูล" อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้ายเหมือง ผู้ต้องหาที่ใช้ถุงเท้าผูกคอกับบานพับประตูภายในห้องขัง ของอาคารดีเอสไอ เสียชีวิต เรื่องนี้ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก
ตัวพ.ต.อ.ไพสิฐเอง ก็ถูกมองว่าเป็นคนที่เข้ามาพัวพันเรื่องนี้ เคยเปรยๆ ว่า พูดก็ไม่ได้ พูดไปก็เดี๋ยวจะหาว่าแก้ตัว
อีกเรื่องที่ทำให้ "พ.ต.อ.ไพสิฐ" เกิดความเครียดหนัก ก็คือคดีเกี่ยวกับการเล่นหุ้นแบบ "หวือหวา" ที่สำนักงาน ก.ล.ต.คนคุมกฎตลาดหุ้น ส่งมากี่คดีต่อกี่คดีก็ถูกดีเอสไอ "เป่า" ตียกประโยชน์ให้บรรดาขาใหญ่ตลาดหุ้นอยู่เสมอ
ว่ากันว่า พอยกกันบ่อยๆ ก.ล.ต. ถึงกับเซ็ง อุตสาห์ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ลงทุน ลงทุนลงแรงกับคดีปั่นหุ้น สร้างราคาหุ้นมาเยอะ และสังคมก็ตั้งคำถาม ดีเอสไอ ก็ถูกด่า ขาใหญ่ก็ยิ่งได้ใจ
ที่แน่ๆ หลายต่อหลายคดีที่ ก.ล.ต. ซึ่งมีหน้าที่ร้องทุกข์กล่าวโทษ มาให้ ดีเอสไอ สอบสวนดำเนินคดี มันไม่ง่าย ทั้งๆ ที่นักลงทุนก็เห็นๆกันอยู่ แต่สั่งไม่ฟ้อง หลายคดีแบบค้านสายตากรรมการ จึงถูกสังคมของกลุ่มนักลงทุนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นเพราะ ดีเอสไอ "ทำสำนวนไม่รัดกุม" ช่วยขาใหญ่หรือไม่ ?
โดยเฉพาะ ขาใหญ่ "ท่านประธาน" แว่วว่า งานนี้นักลงทุนที่เก็บความทุกข์ระทมได้รับผลกระทบเดือดร้อนสิ้นเนื้อประดาตัวมานาน จะรวมตัวกันให้มีการรื้อฟื้นยื่นร้องเรียนกันเร็วๆ นี้
"ดีเอสไอ"ของพ.ต.อ.ไพสิฐ คงต้องเจองานหนัก มีเรื่องให้เครียดอีกแน่
ทั้งหลายทั้งปวงเหมือนระเบิดที่กำลังรอถอดสลัก หลายคดีรอวันปะทุ เปิดเผยความจริงกันออกมา หาก "พ.ต.อ.ไพสิฐ" ลุกออกจากเก้าอี้งานนี้ ดีเอสไอ เครียดคนเดียวไม่พอ น่าจะเครียดไปตามๆ กัน และก็ไม่รู้ว่า" ขาใหญ่ท่านประธาน" จะหนาวๆ ร้อนๆไปด้วยมั้ย ...ต้องติดตามกันต่อไป
**"ทักษิณ -ยิ่งลักษณ์" ชีวิตดี๊ดี เปย์หนักเลี้ยงเพื่อนร่วมรุ่น 61 คนบินดูไบ ค่าตั๋ว-วีซ่า อาหารทุกมื้อ ไวน์ราคาแพงไม่อั้น สวนทางคำพูด โอดครวญลำบาก อยากกลับบ้าน และสงสารลูกน้องที่ติดคุกอย่างที่สุด
วันก่อน“ทักษิณ ชินวัตร”เพิ่งออกมาโอดครวญว่า อยากจะกลับบ้าน ถ้าประชาชนเรียกร้อง และผู้มีบารมีของประเทศเมตตาปรานี และยังรู้สึกเจ็บปวดที่สุด ที่เห็นการใช้กฎหมายทำลายล้างกัน ยิ่งให้สงสารเห็นใจ“ลูกน้อง”ที่ติดคุก โดยเฉพาะ"บุญทรง เตริยาภิรมย์" ที่ถูกจำคุกคดีข้าว"จีทูจี" แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะแม้แต่ตัวเองก็ยังลำบากเหลือแสน...
ตัดภาพไปที่ดูไบ ชาวโซเชียลฯ ได้แชร์คลิปวิดีโอ ที่มีการถ่ายไว้ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพการร่วมโต๊ะรับประทานอาหารของทักษิณ ชินวัตร พร้อมเพื่อนสมัยเรียน“มงฟอร์ต”รุ่น 08 มาด้วยกัน เฮฮาปาร์ตี้ ชีวิตมีความสุข
"กลุ่มเพื่อนมงฟอร์ต" กลุ่มใหญ่กว่า 61 คนนี้ ถือโอกาสมาฉลองสังสรรค์ เลี้ยงรุ่นครบรอบ 55ปี ของการจบม.ศ. 3 รุ่น 2508 กับทักษิณ ที่ดูไบ โดยมีเสียงผู้ถ่ายคลิปพูดขอบคุณ "ทักษิณ" ที่ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ตั้งแต่ ตั๋วเครื่องบิน วีซ่า อาหารทุกมื้อ พร้อมไวน์แดง และเหล้าราคาแพง...
ทั้งยังสปอนเซอร์ค่าโรงแรม และทัวร์ชมสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ ขอขอบคุณประธานมงฟอร์ต รุ่น 08 "คุณสุพล" ที่รวบรวมรายชื่อของผู้เดินทาง พาสปอร์ต ประสานเรื่องขอวีซ่าเข้าดูไบ และติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของทักษิณ เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ และไกด์ ในการทำให้การเดินทางไปฉลองงาน 55 ปี มงฟอร์ต 08 เป็นไปอย่างราบรื่น
ว่ากันว่า งานนี้เจ้าภาพ "เปย์หนัก"จริงๆ ตั้งแต่หัวค่ำไปยันสี่ทุ่ม เสิร์ฟอาหารเลิศหรู ซีฟูด อาหารจีนไม่อั้น ไวน์แดงขวดละหมื่น 30 ขวด พร้อมกับวิสกี้ชั้นยอด ตลอดงาน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น เสียงหัวเราะ เสียงคุยกัน ถ่ายรูป ร้องเพลงกันสนุกสนาน โดยนอกจากทักษิณ และเพื่อนร่วมรุ่น แล้วยังมี "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ร่วมแจมในงานนี้ด้วย
ในงาน "ทักษิณ" ถือโอกาสปราศรัยตอนหนึ่ง บอกว่า “ดีใจมากที่ได้ร่วมฉลองครบรอบ 55 ปีของรุ่น ปกติมีแขกมาพบบ่อยครั้งมาก แต่ไม่มีครั้งใดที่ผมจะตื่นเต้นเท่าครั้งนี้ ที่ได้มาพบเพื่อนสมัยเด็ก เคยเรียน และเล่นมาด้วยกัน”
ทั้งหมดนี้ แสดงว่าทั้ง "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" อยู่ต่างแดน ชีวิตดี๊ดี ไม่มีเหงาอยู่แล้ว มีทั้งคนมาหา ซึ่งบอกว่ามากันบ่อยมาก และถ้าคิดถึงใคร อยากให้ใครไปหาก็แค่เปย์ให้ ทุกคนก็จะวิ่งไปหาสบายๆ ดังที่เพื่อนร่วมรุ่น กว่า 61 คนจัดเลี้ยงดูปูเสื่อได้ ชิล ชิล
ไหนล่ะชีวิตที่ลำบาก !! อย่างนี้จะโอดครวญร้องหาความเมตตาปรานีไปทำไม คนลำบากจริงๆ คือลูกน้อง เช่น “บุญทรง”ที่ติดคุกแทนต่างหาก รวมทั้งอีกหลายคนที่แม้ไม่ติดคุกก็ต้องหนีกระเซอะกระเซิง
ว่ากันตามจริง "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" อยากจะกลับบ้านมาเมื่อไหร่ ก็ได้ เพียงมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และกลับมาติดคุก รับโทษ สะสางเรื่องราวต่างๆให้จบไป และจะได้เข้าใจ และ “เห็นใจ”ลูกน้องจริงๆ เสียที ไม่ใช่สักแต่พูดอ้อนสาวก ร่ำไป
พูดไปทำไมมี สุดท้าย "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ก็รู้ๆ อยู่แล้ว คงไม่อยากจะกลับมาหรอก ยิ่งบงการ กดรีโมตการเมืองเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่เสวยสุขต่างแดนยาวๆ ดีกว่า