"กิจการร่วมค้าเอ็นซีพี "มีลุ้นได้ไปต่อร่วมประมูลพัฒนาท่าเทียบเรือแหลมฉบังเฟส 3 มูลค่า 5.4 หมื่นล้าน ตุลาการผู้แถลงคดีเสนอศาลปค.สูงสุดเพิกถอนมติคกก.คัดเลือกฯที่ตีตก ชี้ไม่ลงลายมือชื่อในช่องที่กำหนดในแบบฟอร์ม ไม่ใช่สาระสำคัญ- ไม่ทำให้เกิดการได้เปรียบผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่น
วันนี้ ( 26 ก.พ.) ศาลปกครองสูงสุดออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีครั้งแรกในคดีที่กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือF เพื่อขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการคัดเลือกฯที่มีมติในการประชุมครั้งที่ 13/2562 เมื่อวันที่ 23 เม.ย.62ที่ให้กิจการร่วมค้าเอ็นซีพีเป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 ซองคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 27ก.ย.62ให้มีการเพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกฯดังกล่าว และทางคณะกรรมการคัดเลือกฯได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด
โดยการพิจารณาคดีครั้งแรกวันนี้องค์คณะได้สรุปข้อเท็จจริงของคดีในกับคู่กรณีฟังและได้เปิดโอกาสให้กับคู่กรณีได้แถลงปิดคดี ซึ่งนายเผด็จ เมธิยานนท์ ผู้มอบอำนาจจากบริษัทในกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ได้แถลงด้วยวาจาเพียงว่า ในรายงานการประชุมของคณะกรรมการคัดเลือกฯที่มีมติไม่ให้กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพีเป็นผู้ผ่านการประเมินนั้น ผู้ที่มีความเห็นว่า การที่สมาชิกแต่ละรายของกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพีไม่ได้ลงนามในแบบฟอร์มสัญญากิจการร่วมค้าที่ไมได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในภาคผนวก16-ฌ ไม่ได้เป็นสาระสำคัญที่จะส่งผลให้สมาชิกแต่ละรายไม่ผูกพันในการยื่นข้อเสนอเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวมีการให้เหตุผลประกอบไว้อย่างชัดเจน แต่ฝ่ายที่เห็นว่าการไม่ลงนามนั้น เป็นสาระสำคัญกลับไม่ได้ให้เหตุผลประกอบไว้เลย ส่วนฝ่ายคณะกรรมการคัดเลือกฯ ไม่ได้แถลงด้วยวาจา
จากนั้นองค์คณะได้ให้ตุลาการผู้แถลงคดีแถลงความเห็นส่วนตนที่ไม่ผูกพันต่อการพิจารณาวินิจฉัยขององค์คณะ ซึ่งตุลาการผู้แถลงคดี เห็นว่า คดีนี้กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพีมีสิทธิที่จะฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครอง และเมื่อพิจารณาคำสั่งหัวหน้าคสช เกี่ยวกับการพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ.2560 พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนของกทท.และข้อเท็จจริงแล้ว เห็นว่า ไม่ได้มีการระบุชัดแจ้งว่า ผู้ยื่นข้อเสนอต้องลงลายมือชื่อในช่องที่กำหนดในแผ่นที่ 3 ของแบบฟอร์มในภาคผนวก16-ฌ เพียงแต่กำหนดให้ลงลายมือชื่อ ประทับตราสำคัญของบริษัทไว้ทุกหน้าเท่านั้น อีกทั้งแบบฟอร์มดังกล่าว ก็ไม่แบบที่กฎหมายบังคับไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ ดังนั้นการที่กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพีไม่ได้ลงลายมือชื่อในช่องที่กำหนดของแบบฟอร์ม จึงไม่ใช่รูปแบบอันเป็นสาระสำคัญทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ต่อผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่นแต่อย่างใด การที่กลุ่มกิจการร่วมค้าลงลายมือชื่อในที่ว่างด้านล่างของแบบฟอร์ม และประทับตราสำคัญของบริษัทกลุ่มกิจการร่วมค้าไว้ ย่อมเห็นถึงความรับผิดชอบร่วมกันของสมาชิกแต่ละรายของกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการประมูล การที่คณะกรรมการคัดเลือกฯให้กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพีเป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 ซองคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอด้วยข้ออ้างว่าไม่ได้ลงลายมือชื่อในช่องที่กำหนด จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายควรที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางเพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกฯที่ไม่ให้กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพีเป็นผู้ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 ซองคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอเสีย
อย่างไรก็ตามหลังเสร็จสิ้นการนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกองค์คณะยังไม่ได้แจ้งคู่กรณีว่าจะมีคำพิพากษาเมื่อใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ที่มีมูลค่า 5.4 หมื่นล้านบาทนี้ มีเอกชนสนใจเข้าร่วมประมูล 2 รายคือกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ที่ประกอบด้วย บริษัทนทลิน จำกัด บริษัทแอสโซซิเอท อินฟินิตี้ จำกัด บริษัทพริมา มารีน จำกัด (มหาชน) บริษัทพีเอชเอส ออแกนิค จำกัด และบริษัท China Railway Construction Corporation Limited กับ กลุ่มกิจการร่วมค้าจีพีซี ที่ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัทพีพีที แทงค์ เทอร์มินัล และ บริษัท China Harbour Engineering Company Limited