“บิ๊กตู่”แจงยิบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล 2 แสนล้าน ทุกบาทเพื่อประชาชน มุ่งแก้ไขปัญหารากหญ้า พัฒนาระบบสุขภาพให้เป็นเลิศ พร้อมยกเครื่องระบบขนส่งทั้งประเทศ ยันไม่เคยทุจริต เปิดผลงานตลอด 7 เดือนการันตีคุณภาพ พร้อมเดินหน้าไล่คืนเงินคดีโกงหลายแสนล้านบาทคืนประเทศ
วันนี้(25 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงการอภิปรายของฝ่ายค้านกรณีการจัดตั้งร้านค้าปลอดอากรในสนามบิน ที่มีกล่าวหาว่าเพื่อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนรายเดียวว่า ศาลปกครองมีคำวินิจฉัยว่ากิจการร้านค้าปลอดอากร ไม่ใช่บริการสาธารณะ แต่เป็นการบริการเชิงพาณิชย์ ประกอบกับไม่ใช่กิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นต้องมีทุกท่าอากาศยาน นอกจากนี้กิจการร้านค้าปลอดอากรเป็นกิจการที่เสริมท่าอากาศยาน ไม่ใช่กิจการที่จำเป็นหรือขาดไม่ได้ โดยมีความเห็นพิจารณาร่วมกันหลายหน่วยงาน และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เข้าข่ายสั่งการเอื้อประโยชน์
นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ว่าดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ มีการรับฟังความคิดเห็น มีการใช้แผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินทั้ง 3 จังหวัดในพื้นที่ โดยพื้นที่พัฒนาเมืองและชุมชนรวม 1 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 13 ของพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่อุตสาหกรรมรวม 424,854 ไร่ ถือเป็นร้อยละ 5.12 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยการตัดสินใจต้องมีการพิจารณาโดยคณะกรรมการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และต้องให้คณะรัฐมนตรีตัดสินใจด้วย ซึ่งร่างแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน มุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่และการรักษาทรัพยากรสิ่งแวดล้อม กำหนดพื้นที่อุตสาหกรรมให้อยู่ห่างจากป่าไม้ แม่น้ำ ลำคลอง ชายฝั่งทะเล โดยกำหนดพื้นที่สงวนเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากร 1.6 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 20 ของพื้นที่ทั้งหมด มีวิธีการดูแลเยียวยาที่เหมาะสมยอมรับได้ คณะกรรมการจะติดตามผลงานต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ และเน้นย้ำให้ประชาชนมีส่วนร่วมเสมอ
ส่วนการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งมีเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวในวันที่มีความกดอากาศสูงแผ่ลงมาจากประเทศจีนมีกำลังอ่อนลงทำให้เกิดภาวะฝาชีครอบเกิดทุนสะสมเกินมาตรฐานบางเวลาโดยให้การแก้ไขเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติโดยมี 3 มาตรการหลักคือเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ ป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ โดยกรุงเทพมหานครมีปัญหาเกิดจากการจราจรร้อยละ 72.5 โดยมีนโยบายสนับสนุนให้เปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เปลี่ยนรถ ขสมก. ให้เป็นรถมลพิษต่ำ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด ซึ่งขณะนี้มียอดจับกว่าหมื่นคันแล้ว กำหนดมาตรฐานรถยนต์ใหม่ตามมาตรฐานยูโร 5 ในปี 2564 และมาตรฐานยูโร 6 ในปี 2565 พร้อมย้ำว่าทุกอย่างต้องมีขั้นตอนการแก้ไข
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในช่วง7 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลมีผลงานในส่วนของมาตรการสำคัญ คือ โครงการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 1-2-3 ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวผ่านการบริโภคภายในประเทศ เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเกือบ 3 หมื่นล้านบาท กองทุนหมู่บ้าน พักหนี้ให้กับกองทุนหมู่บ้านและสมาชิกกองทุนหมู่บ้านโดยสมัครใจ และเพิ่มเงินให้แห่งละไม่เกิน 200,000 บาท สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย 50,000 ล้านบาท หนุนสร้าง smart farmer ผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชน เติมเงินกองทุน SME 10,000 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ ผ่าน sme bank บสย. ค้ำประกันเงินกู้ มาตรการ BOI เพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน โครงการบ้านดีมีดาวน์ ช่วยลดภาระผ่อนดาวน์ 5 หมื่นบาท เพิ่มเงินให้กองทุนประกันสุขภาพ โดยจัดงบประมาณปี 2563 เพิ่มอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท เป็น 201,896 ล้านบาท ทำให้อัตราเหมาจ่ายรายหัวเพิ่มเป็นมากกว่า 3,600 บาทต่อหัวต่อปี ขยายชดเชย ค่าน้ำ-ไฟให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.6 ล้านคน เพิ่มเบี้ยความพิการ 800 บาท เป็น 1,000 บาท ลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกร ช่วยค่าเก็บเกี่ยวปรับปรุงคุณภาพ ไร่ละ 500 บาท สนับสนุนต้นทุนการผลิต ชาวนา ไร่ละ 500 บาท ประกันรายได้เกษตรกร (ข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B10 ถูกกว่าปกติ 3 บาท ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว
ส่วนผลสำเร็จจากการทำงาน คือ IMD ปรับระดับความสามารถในการแข่งขันดีขึ้นทั้งในด้านการประสิทธิภาพภาครัฐ โครงสร้างพื้นฐาน ดีที่สุดในรอบ 10 กว่าปี World Bank: Doing Business ความยากง่ายในการประกอบธุรกิจอันดับที่ 21 ดีที่สุดในรอบ 6 ปี SDGs เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ได้อันดับที่ 40 ของโลก และอันดับ 1 ในอาเซียน โดยประเทศไทยติดอันดับที่ 1 ของโลกของประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ โดย U.S. News & World Report Rating Agencies ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย เช่น Fitch Rating Moody และ S&P ให้มุมมองความน่าเชื่อถือเป็นบวก หรือ Positive Outlook เป็นครั้งแรก ในรอบหลายปีที่มีการปรับดีขึ้น ซึ่งชี้ว่าต่อไปในอนาคตจะมีการปรับอันดับความน่าเชื่อถือของเราต่อไป
นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า ยังมีผลงานของรัฐบาลและที่ได้ดำเนินการต่อเนื่อง คือ 1. มาตรการสำคัญ อาทิ ฟื้นฟูชุมชนเมืองดินแดง ฟื้นฟูชุมชนคลองลาดพร้าว คืนคลองสวยน้ำใส แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ออกกฎหมาย ทวงหนี้ ขายฝากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คืนโฉนดที่ดิน ปลดธงแดง ICAO จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว IUU ปลดใบเหลืองประมงผิดกฎหมาย ปรับระดับการค้ามนุษย์ดีขึ้น พร้อมเพย์ โอนฟรี บ้านประชารัฐ ล้านหลัง เจ็บป่วยฉุกเฉินมีสิทธิทุกที่ 72 ชั่วโมงแรก ผู้ป่วยติดเตียง สร้างนักบริบาลชุมชนมีรายได้ เสริมอาสาสมัคร คลินิกหมอครอบครัว จัดหาที่ดินให้ชุมชนอยู่กับป่า ป่าชุมชน ไม้มีค่าตัดได้ จัดการปัญหาข้าวค้างสต็อก ประกันภัยพืชผล เกษตรแปลงใหญ่ ลดภาระประชาชนในการยื่นสำเนาเอกสารภาครัฐ กองทุนเสมอภาคเพื่อการศึกษา กองทุนยุติธรรม
ในรอบ 12 ปี เพิ่มรายได้กองทุนฯ ออก กม.รองรับรับแจ้งความทุกสถานีตำรวจ ท่องเที่ยวเมืองรอง กระจายรายได้สู่จังหวัดเล็ก ๆจัดมหกรรมด้านกีฬา เช่น Moto GP และวิ่ง Siam Trail 2019
ส่วนโครงการลงทุนสำคัญอื่นๆ อาทิ สายไฟฟ้าใต้ดินบ้านเมืองก็สวยงามขึ้น หลายพื้นที่มีอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านหรือเน็ตประชารัฐโครงการ EEC ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3
สะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 (ไทย-เมียนมา)สนามบินแม่สอด แห่งใหม่ ขยายเส้นทางรถไฟ “กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ-ตลาดโรงเกลือ” นั่งไปได้ถึงบริเวณด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เขื่อนนฤบดินทรจินดา จ.ปราจีนบุรี
“ที่หาว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมได้แก้ปัญหาการทุจริต ยังมีคดีความจำนวนมากที่ยังค้างอยู่ ทั้งภาษีรถหรู ข้าราชการระดับสูงฉ้อโกงประชาชน ค้ามนุษย์ ทุจริตเงินทอนวัด ต่างๆ เหล่านี้ผมไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวเลย ให้เขาดำเนินการโดยอิสระ ทั้งหวยบนดิน ทุจริตจำนำข้าว ที่บอกผมทุจริตก็ยังไม่มีการดำเนินคดีอะไรกับผมเลย หลายคดีมีมูลค่าความเสียหาย 1.2 แสนล้าน บวกกับอีก 4.8 แสนล้านที่ค้างอยู่ เงินจำนวนนี้ไปไหน เอามาทำประโยชน์เยอะแยะ จะศูนย์หายไปไม่ได้ ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ขอบคุณสมาชิกทุกคน กระเซ้าเย้าแหย่กันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เป็นไร ขอบพระคุณ บังเอิญผมไม่ใช่ไบโพลาร์”พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทิ้งท้าย