xs
xsm
sm
md
lg

เทียบฟอร์มตัวต่อตัว!! “ณรงค์ศักดิ์ - อนุพงษ์”ใครเหมาะเป็น “รมว.มหาดไทย”มากกว่ากัน **ถอดบทเรียนกู้ชีวิตทีมหมูป่า!! ถึงเวลาต้องมี “ศูนย์กู้ภัยแห่งชาติ”เหตุ“กรม ปภ.”ง่อยเปลี้ย ถนัดแต่ใช้งบฯ **“เสือเฒ่า-มหาเธร์”เชือด ”นาจิบ”ทุจริต จับเข้าปิ้ง-ส่งขึ้นศาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



** เทียบฟอร์มตัวต่อตัว!! “ณรงค์ศักดิ์ - อนุพงษ์”ใครเหมาะเป็น “รมว.มหาดไทย”มากกว่ากัน คนหนึ่งไม่มีนอกมีใน ขัดขวางการใช้งบฯ ผิดปกติทุกรูปแบบ สมฉายา “ผู้ว่าฯตงฉิน”ก่อนมาฉายแสงคุม “ภารกิจถ้ำหลวง”ไร้ที่ติ กลายเป็น “ขวัญใจมหาชน”ส่วนอีกคน เป็นใหญ่มา 4 ปี ผลงานไม่ปรากฏ ก้มหน้าก้มตาดัน “อภิมหาโปรเจกต์โรงไฟฟ้าขยะ”ผลประโยชน์แสนล้าน ที่ต้องใช้ “อำนาจพิเศษ”ทะลวงกฎหมายบ้านเมืองขาดวิ่นไปไม่รู้กี่ฉบับ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า .. ความสำเร็จในภารกิจกู้ชีวิต 13 นักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกสอน "ทีมหมูป่า อะคาเดมี" ที่พลัดหลงใน“ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน”อ.แม่สาย จ.เชียงราย มาจากการร่วมแรงร่วมใจจากทุกฝ่าย .. เป็น “วาระแห่งมนุษยชาติ” ที่หากขาด “จิ๊กซอว์” ตัวใดตัวหนึ่งไปก็คงไม่ “สมบูรณ์แบบ” อย่างที่ปรากฏ .. แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า ในหมู่มวล “ฮีโร่ถ้ำหลวง”ทั้งหมด ผู้ที่ฉายแสงโดดเด่นกว่าใคร ไม่พ้น “ผู้ว่าฯหนึ่ง” ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร พ่อเมืองเชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ .. ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ โชว์ภาวะผู้นำ จนกลายเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศในเวลารวดเร็ว สะท้อนวลีที่ว่า “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ”ได้เป็นอย่างดี .. ขนาด “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยังต้องตามกระแส ชมไม่ขาดปากว่า ทั้งดี ทั้งเก่ง เป็น “ผู้ว่าฯ น้ำดี” .. ทั้งที่ “บิ๊กป๊อก”คนเดียวกันนี้เอง ที่มีความเห็นว่า “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์”นั้น “ไม่เหมาะสม” กับการทำหน้าที่ “พ่อเมืองเชียงราย” .. เป็นเหตุให้เสนอ “ลดเกรด”โยกย้าย “ผู้ว่าฯหนึ่ง”ไปเป็น “ผู้ว่าฯพะเยา” จังหวัดที่เล็กกว่า เมื่อช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา..
ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร และ  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
แม้จะมีกระแสเรียกร้องให้ทบทวนคำสั่งย้าย แต่ก็เข้าใจดีว่า ขั้นตอนการโยกย้ายไปไกลเกินกว่าจะแก้ไข ตามคำชี้แจงของ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา .. ที่ให้เหตุผลว่า คนเราถ้าเป็นคนดี ทำที่ไหนก็เจริญ ถือซะว่า คนที่มีฝีมือไปพัฒนาในพื้นที่ที่ยังไม่มีการพัฒนา ว่ากันไปนู่น .. แต่ก็ต้องเข้าใจว่า ไม่ใช่จู่ๆ มาร้องแรกแหกกระเฌอ เหรียกหาความเป็นธรรมให้ “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์” จากผลงานจากการเป็น “แม่ทัพถ้ำหลวง”เท่านั้น .. แต่ภารกิจกู้ชีวิต “13 หมูป่า”เป็นโอกาสที่ได้แสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ และขุดเรื่องการถูกเด้งอย่างไม่เป็นธรรมขึ้นมาเท่านั้น .. นำมาสู่ปรากฏการณ์ ทวงถามความยุติธรรมให้กับ “ข้าราชการน้ำดี” ที่ไม่ควรถูกโยกย้าย เสมือนหนึ่งถูกลงโทษ .. ฐานทำตัวเป็น “ก้างขวางคอ”ไม่ยอมเซ็นต์อนุมัติหลายสิบโครงการของ “ท้องถิ่น” ใน จ.เชียงราย ที่มองว่า “ไม่ถูกต้อง” .. กลายเป็นว่าการเป็น “คนตงฉิน”ไม่ลู่ไปตามลม ติดเบรกงบประมาณจากภาษีประชาชน ที่ “ผิดกติกา” กระทั่งการวิพากษ์วิจารณ์ การผลาญงบของ จ.เชียงราย ที่ถูกใช้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมานาน เป็นความผิดฉกรรจ์ .. ทำให้ความเป็น “น้ำดี”ย้อนศรมาเป็นภัยต่อหน้าที่การงานของตัวเอง ไม่เป็นที่โปรดปรานของ “บิ๊กมหาดไทย” ซะงั้น .. หากคำของ “นายกฯตู่” เป็นเหตุผลที่แท้จริง ในเรื่องส่งคนมีฝีมือไปในพื้นที่ ที่ยังไม่พัฒนา คงตอกย้ำ “ค่านิยม”ในหมู่มวลข้าราชการไทย ตามคอนเซปต์ “เช้าชาม เย็มชาม”ไม่ต้องสร้างผลงานให้โดดเด้ง เป็น “คนมีฝีมือ” ที่จะทำให้ถูก “ลดชั้น - ลดเกรด” เช่นนี้ .. แม้ว่าขั้นตอนการโยกย้ายรอบนี้จะเรียบร้อย แต่ “ลุงตู่” ในฐานะผู้นำรัฐบาล ก็มีอำนาจในการปรับเปลี่ยนในอนาคตได้ อยู่ที่จะทำหรือไม่ ..

ด้วยขณะนี้ กระแสความนิยมในตัว “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์”พุ่งปรึ๊ด ยอมรับกันโดยทั่วว่า“คุณสมบัติเกินผู้ว่าฯ”แล้วด้วยซ้ำ .. บ้างก็เชียร์ถึงขั้นให้เป็น “นายกฯ”ที่ดูจะไกลเกินไป หรือบ้างก็เชียร์ให้มาลงสมัครเป็น “ผู้ว่าฯกทม.”ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย .. หากเล่นกับกระแสเป็น “นายกฯลุงตู่”ก็ควรพิจารณา “คืนความเป็นธรรม”หรือ “ปูนบำเหน็จ” ตอบแทน “ผลงานชิ้นโบว์แดง”ที่ทำให้ “รัฐบาล คสช.”ได้หน้าไปด้วย .. แล้วหากศึกษา “ศิลปะการใช้คน” ให้ถ่องแท้ ก็จะพบว่า คนดีๆ แบบนี้ควรดึงมาทำงานใกล้ๆ ตัว .. ถ้าหาที่ลงไม่ได้ อย่างตำแหน่ง “รมว.มหาดไทย” ก็น่าสนใจไม่หยอก นะท่าน .. ทำเป็นเล่นไป ก็ผลงาน “มหาดไทย”ในยุค “พี่รอง”ก็ไม่ได้มีผลงานเชิดหน้าชูตาดีเด่อะไร .. “บิ๊กโปรเจกต์” อย่างโครงการโรงไฟฟ้าขยะ ที่คุยโขมงเป็น “วาระแห่งชาติ”ก้มหน้าก้มตาผลักดัน ในแบบที่ต้องใช้ “อำนาจพิเศษ”ปลดพันธนาการ เหยียบย่ำกฎหมายบ้านเมืองไปไม่รู้กี่ฉบับ .. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึง “ผลประโยชน์มหาศาล”ที่มี “เสือเงียบ”จ้องสวาปามอยู่ .. ผิดกับ “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์”ที่พิสูจน์แล้วว่า ไม่มีนอกมีใน ขัดขวางการใช้งบฯผิดปกติทุกรูปแบบ .. อีกทั้งยังทำงานภายใต้ความกดดัน มีชีวิตคนเป็นเดิมพัน อย่างเต็มที่ ในยามรู้ทั้งรู้ ว่าจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว ก็ยังวางแผน-วางงาน อย่างเป็นระบบ สำเร็จอย่างหมดจดแทบไร้ที่ติ .. เทียบฟอร์มแบบนี้แล้ว ก็คิดอ่านกันเองเถอะว่า ใครสมควรเป็น “รมว.มหาดไทย” มากกว่ากัน.
อาสาสมัครช่วยทีมหมูป่า
**ถอดบทเรียนกู้ชีวิตทีมหมูป่า!! ถึงเวลาต้องมี “ศูนย์กู้ภัยแห่งชาติ”มืออาชีพด้านการกู้ภัย ที่มีอุปกรณ์-กำลังพล พร้อมในทุกภารกิจ เหตุเจ้าภาพเดิมอย่าง “กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย”ง่อยเปลี้ยมาตลอด ถนัดแต่ใช้งบฯ ซื้อของแจก เป็น “ขุมทรัพย์”ของ “บิ๊กคลองหลอด”มาทุกยุค

ภารกิจยังไม่จบ .. ปฏิบัติการการช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี ที่ จ.เชียงราย ที่แม้จะพบผู้รอดชีวิตทั้งหมดอย่างปลอดภัยแล้ว แต่ก็ยังมีงานที่ต้องทำกันอีกมาก .. อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในครั้งนี้ มาจากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนอย่างพร้อมเพรียง .. ทั้งจากกว่า 50 หน่วยงานนประเทศ รวมแล้วกว่าพันชีวิต ไม่ว่า ทหาร ตำรวจ พลเรือน เจ้าหน้าที่กู้ภัย นักดำน้ำ อาสาสมัคร จิตอาสา ที่อยู่ทั้งเบื้องหน้า หรือปิดทองอยู่ข้างหลัง .. ตลอดจนทีมผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ จากนานาชาติ ก็ได้เข้าร่วมสนับสนุนภารกิจในครั้งนี้ด้วย .. และแม้ภารกิจจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็น่าจะถึงเวลาเริ่ม “ถอดบทเรียน”จากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้กันได้แล้ว .. ประเด็นหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ “เจ้าภาพ”ตลอดจน “ผู้ปฏิบัติงาน” ในกรณีเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ .. ที่ช่วงแรกจะเห็นได้ชัดว่า เกิดความสับสนตลอดในบริเวณ “หน้างาน”ที่ไม่รู้ใครเป็นใคร ต่างฝ่ายต่าง “มีใจ” มุ่งหน้าไปที่ “ถ้ำหลวง” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการครั้งประวัติศาสตร์ .. หรือการที่ต้องระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนเข้าร่วมภารกิจ จนบางครั้งก็เกิดคำถามว่า มากเกินไป จนทำให้เกิดความสับสนหรือไม่ .. ขณะเดียวกันก็มีคำถามว่า ทำไมเวลาเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ร้ายแรงใหญ่ หรือเล็กครั้งใด ก็มักจะเป็น “อาสากู้ภัย” ของภาคเอกชน ที่เข้าไปประจำการ ก่อนที่ “หน่วยงานภาครัฐ”จะไปถึงโดยตลอด .. แล้วความเป็นจริง ใครกันแน่ที่ต้องเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบภารกิจที่ไม่คาดฝันเหล่านั้น ..
ชยพล ธิติศักดิ์
หากไล่เรียงดูแล้ว ที่ตรงกับภารกิจที่สุด น่าจะหนีไม่พ้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย .. แต่ที่ผ่านมา และในภารกิจถ้ำหลวงเอง ดูเหมือนว่า “ปภ.” ที่น่าจะ “ตรงสาย”ที่สุด กลับมีบทบาทไปในทาง “ปิดทองหลังพระ” ซะมากกกว่าที่จะออกมาเป็น “เจ้าภาพ”อย่างเต็มตัว .. ทำให้ดู “ง่อยเปลี้ย”ไปเลย หากเทียบกับหน่วยงานที่ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง เช่น “หน่วยซีล”ของทางทหารเรือ .. อีกทั้งเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ การสนับสนุน ก็ต้องเฮโลกันหยิบยืมจากภาคเอกชน ตลอดจนขอรับบริจาคกันแบบเฉพาะหน้า .. จนดูเหมือนว่า “กรม ปภ.” ไม่ได้ทำหน้าที่ให้สมกับชื่อ “ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย”เลย .. เข้าใจได้ว่า “กรม ปภ.”ที่วันนี้มี ชยพล ธิติศักดิ์ เป็นอธิบดี รับไม้ต่อมาจาก “บิ๊กฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่ขึ้นไปเป็น “ปลัดมหาดไทย”ก็มีภารกิจ “รูทีน”ที่รับผิดชอบอยู่แล้ว เวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังแล้ว .. แต่ก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่า ที่ “กรม ปภ.”ถูกมองว่า ทำงานในยามคับขันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็เพราะขาดเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็น .. สอดรับกับภาพจำของ “กรม ปภ.” ที่เป็น “หน่วยงานนักชอปปิ้ง”ที่ถนัดในเรื่องการใช้งบประมาณซื้อสิ่งของแจกผู้ประสบภัย ยามน้ำท่วม-ภัยหนาว จนกลายเป็น “ขุมทรัพย์”ของ “บิ๊กคลองหลอด”มาทุกยุค .. หาใช่บั่นทอนกำลังใจในการทำงาน เพียงแต่หยิบยกขึ้นมาให้เห็นถึงความจำเป็นในการก่อตั้ง “ศูนย์กู้ภัยแห่งชาติ”ให้เป็นกิจลักษณะ .. เป็นหน่วยงานกู้ภัยของรัฐ ที่มีอุปกรณ์พร้อม และกำลังพลพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับการปฏิบัติภารกิจในทุกรูปแบบ .. ถือซะว่า ติเพื่อก่อ อะไรที่ที่ดีอยู่แล้ว จะได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม.
มหาเธร์ โมฮัมหมัด และ  นาจิบ ราซัค
**กระดูกคนละเบอร์!! “เสือเฒ่า-มหาเธร์”เชือด ”นาจิบ”ทุจริต 1 MDB จับเข้าปิ้ง-ส่งขึ้นศาล ต่างจาก “รัฐบาล คสช.”ที่ทะเล่อทะร่า ปล่อย “คุณหนูปู”หนีต่อหน้าต่อตา แถมไม่คิดไล่เส้นทางการเงิน เอาเงินโกงคืนแผ่นดินทั้งที่รู้กันทั้งบางว่าเข้ากระเป๋า “เจ๊ ด.”แถมเงินโกงที่ว่า กำลังย้อนศรมาตั้งป้อมรบกับ “พรรคทหาร”ในการเลือกตั้งหนหน้าเสียด้วย

เกมซะแล้ว .. นาจิบ ราซัค อดีตนายกฯ มาเลเซีย ถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการต่อต้านการคอร์รัปชันมาเลเซีย (MACC) หรือ “ป.ป.ช.มาเลเซีย” จับกุมไปเป็นที่เรียบร้อย .. จากกรณีอื้อฉาวกองทุน 1MDB ที่ “นาจิบ”ถูกกล่าวหาว่าโยกเงินจากองทุนเข้ากระเป๋าตัวเอง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 22,400 ล้านบาท เมื่อสมัยเรืองอำนาจ .. เป็นไปตามธงที่ “เสือเฒ่า”มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่เพิ่งรีเทิร์นตำแหน่งนายกฯมาเลเซีย ในวัย 92 ปี ประกาศไว้ .. ตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ประเทศอย่างเป็นทางการ ก็โชว์ “ความเด็ดขาด”ด้วยการสั่ง "ขึ้นบัญชีดำ" ห้าม “นาจิบ”และครอบครัวออกนอกประเทศเด็ดขาด .. ก่อนที่จะส่งตำรวจปูพรมเข้าตรวจค้นเคหะสถาน พร้อมยึดทรัพย์สินของ “นาจิบ”ไปเพียบ .. ระหว่างนั้น ก็ส่งเจ้าหน้าที่ประกบ “อดีตนายกฯ เด็กปั้นตัวเอง” อย่างไม่วางตา ไม่ให้หลุดรอดออกทาง “ช่องทางธรรมชาติ”เหมือนประเทศแถวๆ นี้ .. “นาจิบ”เองก็รู้ชะตากรรมของตัวเอง ว่าคงไม่พ้นคำทำนายของ อันวาร์ อิบราฮิม คู่ปรับการเมืองคนสำคัญ ที่ว่า ยึดทรัพย์-ติดคุกแน่นอน แต่กระดิกกระเดี้ยไม่ได้ .. ไม่ใช่แค่ “นาจิบ”และครอบครัวที่เดือดร้อนเท่านั้น ยังมีการสอบสวนเส้นทางการเงินไปถึงบุคคลอื่น อีก 81 คน และ บริษัท 51 แห่ง ที่เชื่อว่าได้รับเงินจากกองทุน 1 MDB ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการเงินเกือบ 900 ธุรกรรมในช่วงที่เกิดปัญหา .. พร้อมสั่งอายัด 408 บัญชี มูลค่ารวม 272 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่มีบัญชีของ “พรรคอัมโน”อยู่ด้วย ..

เห็นความเด็ดขาดของประเทศเพื่อนบ้านต่อการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาดแล้วก็อดละเหี่ยใจไม่ได้ .. มีอย่างที่ไหน เป็น “รัฐบาลรัฐประหาร” ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ที่มีธงมาปราบปรามการทุจริตไม่ต่างจาก “รัฐบาล ดร.เอ็ม”.. แต่กลับปล่อยให้ผู้ต้องหาคนสำคัญ อดีตนายกฯ คนเก่า “คุณหนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลุดรอดไปตามช่องทางธรรมชาติ เสวยสุขอยู่ที่ต่างแดนในเวลานี้ .. ปล่อยให้ “สมุน”อย่าง บุญทรง เตริยาภิรมย์ - ภูมิ สาระผล รับเคราะห์กรรมอยู่ในคุก .. ท่ามกลางเสียงคนนินทา หมาดูถูกว่า “เกี้ยเซียะ” กับ “กลุ่มอำนาจเก่า”แหงๆ .. อีกทั้ง “รัฐบาลรัฐประหาร” ก็ยังไม่คิดที่จะไล่ “เส้นทางการเงิน” จริงๆ จังๆ ว่า เงินทุจริตจำนำข้าว มันหายไปไหน .. ทั้งที่ใครต่อใครต่างก็เชื่อว่า เงินโกงมันหายไปเข้า “เจ๊ ด.” เป็นกระบุงโกย .. จนตอนนี้แว่วว่า เงินโกงที่ว่า กำลังจะถูกชักกลับมาเป็น “กระสุน”ตั้งป้อมรบกับ “พรรคทหาร”ในการเลือกตั้งหนหน้าเสียด้วย .. จับพลัดจับผลู แพ้ศึก เพราะความไม่เด็ดขาดของตัวเอง ก็คงไม่ต้องไปโทษใครหรอกนะ ท่าน คสช.


ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น