รอยเตอร์ - อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซียเปิดใจให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินกองทุน วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) และไม่รู้เรื่องที่เงินกองทุนบางส่วนถูกโอนมาโผล่ในบัญชีส่วนตัวของตน พร้อมทั้งอธิบายที่มาที่ไปของเงินสดจำนวนมหาศาล กระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องเพชรอีกหลายรายการที่ตำรวจยึดได้จากอพาร์ตเมนต์และบ้านพักของเขา
นาจิบ ซึ่งพ่ายแพ้เลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อนอกเป็นครั้งแรกระหว่างฉลองวันอีดร่วมกับครอบครัวที่รีสอร์ตหรูบนเกาะลังกาวี โดยอ้างว่าพวกที่ปรึกษาส่วนตัวและบอร์ดบริหาร 1MDB ปกปิดการยักยอกเงินกองทุนหลายพันล้านดอลลาร์ไว้ไม่ให้ตนทราบ
นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮาหมัด แห่งมาเลเซีย บอกกับรอยเตอร์เมื่อวันอังคาร (19) ว่า เวลานี้เจ้าหน้าที่ได้จัดทำสำนวน “ที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ” เพื่อสั่งฟ้อง นาจิบ ข้อหายักยอกทรัพย์และรับสินบนเกี่ยวเนื่องกับคดีทุจริต 1MDB
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความพ่ายแพ้ของ นาจิบ ในศึกเลือกตั้งครั้งล่าสุดมีสาเหตุสำคัญมาจากคดีฉ้อโกงเงิน 1MDB ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เจฟฟ์ เซสชันส์ ถึงกับวิจารณ์ว่าเป็นระบอบ “โจราธิปไตย” (kleptocracy) ขั้นเลวร้าย
นาจิบ วัย 64 ปี ยืนยันว่า ตนไม่ทราบว่าเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ที่ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวนั้นเป็นเงินของ 1MDB และไม่รู้ด้วยว่าเงินจากกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวที่ตนก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 ถูกนำไปฟอกเพื่อซื้อเรือยอชต์, ภาพเขียน, เครื่องเพชร และอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศ
“ผมไม่ได้มีเอี่ยวกับเรือยอชต์หรือภาพเขียนพวกนั้น ผมไม่เคยเห็นมันเลยด้วยซ้ำ” นาจิบ กล่าว
“ผมไม่เคยรับรู้ว่ามีการนำเงินไปซื้อของพวกนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ผ่านผม ผมไม่มีวันอนุญาตให้เงินทุน 1MDB ถูกนำไปใช้ในลักษณะนี้ ผมเป็นรัฐบาลมานาน ผมรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด”
อดีตผู้นำเสือเหลืองโทษว่าเป็นความผิดของผู้บริหาร 1MDB ที่ไม่แจ้งให้เขาทราบเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
พนักงานสอบสวนเชื่อว่า นาจิบ และนาง รอสมะห์ มันซูร์ ภริยา ซุกซ่อนทรัพย์สินจำนวนมากที่ถูกซื้อหามาด้วยเงินของ 1MDB
ตำรวจซึ่งเข้าตรวจค้นที่พักของครอบครัวอดีตนายกฯ เจอทั้งกระเป๋าแบรนด์เนม เงินสด และเครื่องประดับเพชรพลอยอยู่ในกล่องเกือบ 300 กล่อง ในจำนวนนี้รวมถึงกระเป๋าหลุยส์วิตตองและแอร์เมสเบอร์กินซึ่งมีสนนราคาสูงสุดถึงใบละหลายแสนดอลลาร์
นาจิบ ระบุว่า การที่ตำรวจยึดทรัพย์สินมีค่าเหล่านี้ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด เนื่องจากกระเป๋าและเครื่องเพชรส่วนใหญ่เป็น “ของขวัญ” ที่คนนำมาให้ภริยาและบุตรสาวของตนในโอกาสพิเศษ ไม่เกี่ยวกับเงินของ 1MDB
“ใช่ครับ มันเป็นของขวัญ โดยเฉพาะของลูกสาวผมจะมีแท็กติดไว้ด้วยว่าได้มาเมื่อไหร่ จากใคร”
นาจิบ ยังอ้างว่า ภริยาของเขาได้กระเป๋าแบรนด์เนมหลายใบเป็นของขวัญจาก ดานิยาร์ นาซาร์บาเยฟ ลูกเขยซึ่งเป็นหลานชายของประธานาธิบดีนูร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟ แห่งคาซักสถาน
“คนอาจจะไม่เชื่อนะ แต่ลูกเขยผมเขามีช่องทางที่จะสามารถหากระเป๋าเบอร์กินได้ทีเดียว 5-6 ใบ” นาจิบ กล่าว
ในส่วนของเงิน 114 ล้านริงกิตที่ตำรวจพบภายในบ้านของเขาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์นั้น นาจิบ อ้างว่าเป็นเงินทุนของพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (UMNO) ซึ่งเขาเคยดำรงตำแหน่งประธานพรรค ก่อนที่จะถอนตัวหลังแพ้เลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 พ.ค.
อัยการสหรัฐฯ ระบุว่า เงินทุนกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ของ 1MDB ถูกนำไปฟอกผ่านเครือข่ายธุรกรรมการเงินและบริษัทเปลือกที่สลับซับซ้อน ขณะที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องเพื่ออายัดทรัพย์สินราว 1,700 ล้านดอลลาร์ที่เชื่อว่าถูกขโมยมาจากกองทุนแห่งนี้ เช่น ภาพวาดปิกัสโซ, อสังหาริมทรัพย์ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก, หุ้นในบริษัทผลิตภาพยนตร์ฮอลลีวูด, เรือยอชต์ราคา 265 ล้านดอลลาร์ และเครื่องประดับมูลค่าอีกกว่า 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงชุดสร้อยคอและจี้เพชรสีชมพูน้ำหนัก 22 กะรัต
นาจิบ อ้างเหมือนเดิมว่า ชุดเครื่องประดับเหล่านี้เป็นของขวัญที่จะถูกมอบแก่ภริยาของเขา แต่เธอยังไม่เคยได้รับมัน
นาจิบ ยังได้กล่าวถึง โลว์ แต๊ก โจ (Low Taek Jho) หรือ “โจ โลว์” นักการเงินชาวมาเลเซียซึ่งพนักงานสอบสวนเชื่อว่าเป็นตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังแผนฉ้อโกงและฉกฉวยผลประโยชน์จากกองทุน 1MDB
อดีตนายกฯ เสือเหลืองกล่าวว่า ตนคิดว่า โลว์ ซึ่งมีคอนเนกชันกับกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ น่าจะช่วยดึงเม็ดเงินลงทุนจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้ แต่ไม่เคยสั่งให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเงินของ 1MDB
“ผมไม่ได้เป็นคนสั่งให้เขาทำ เขาอาสาเข้ามาช่วยงานบางอย่างซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ 1MDB ได้ประโยชน์ แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เขาทำก็เป็นเรื่องที่บอร์ดบริหารจะต้องรับผิดชอบไป”
เวลานี้ทางการมาเลเซียกำลังติดตามล่าตัว โลว์ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าหนีเข้ามากบดานอยู่ในไทย หรือไม่ก็จีน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ายังติดต่อกับนักการเงินคนสนิทผู้นี้อยู่หรือไม่ นาจิบ ก็ตอบว่า “ผมไม่ได้ติดต่อกับเขาแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน”
นาจิบ ยืนกรานมาโดยตลอดว่าไม่เคยฮุบเงิน 1MDB มาเป็นของส่วนตัว ส่วนเงินสด 681 ล้านดอลลาร์ที่โผล่ในบัญชีของเขาก็เป็นเงินบริจาคจากสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ บิน อับดุลอาซิส อัล-สะอูด อดีตกษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบีย ไม่ใช่เงินที่ยักยอกมาจาก 1MDB ตามที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวหา
“เท่าที่ผมรู้คือมันเป็นเงินจากซาอุดีอาระเบีย โดยเป็นไปตามพระบรมราชโองการของสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์” นาจิบ กล่าว
นาจิบ ยังอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องเงินที่เข้าออกบัญชี เพราะมอบหมายให้ นิก ไฟซาล อาริฟ คามิล ผู้อำนวยการบริษัท เอสอาร์ซี อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเคยเป็นหน่วยงานในสังกัด 1MDB เป็นผู้ดูแลแทน
คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งมาเลเซียได้ออกหมายจับ นิก ไฟซาล แล้ว แต่ยังหาตัวไม่พบ
อดีตนายกฯ ผู้อื้อฉาวยืนยันว่าจะพำนักอยู่ในมาเลเซียเพื่อต่อสู้คดี แม้ต้องเสี่ยงกับโทษจำคุกก็ตาม
“ผมไม่เคยคิดหนี เพราะถ้าหนี ทุกคนก็จะสรุปว่าผมผิดจริง” เขากล่าว
“ผมยอมที่จะหนีไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก ผมต้องคืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง”
