xs
xsm
sm
md
lg

มท.1 แจงยิบลั่นรถไฟฟ้าสายสีทองปัดเอื้อเอกชน ชี้เหตุเปลี่ยนขึ้นบนดินหวังเชื่อมต่อทั้งระบบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อนุพงษ์” แจกแจงละเอียดรถไฟฟ้าสายสีทองไม่เอื้อเอกชน จากใต้ดินเปลี่ยนเป็นบนดินเพื่อเชื่อมต่อกันทั้งระบบ ให้เอกชนลงทุนก่อนเพื่อเร่งการพัฒนา กทม. ชี้ประเทศและประชาชนต้องได้ประโยชน์สูงสุด

วันนี้ (25 ก.พ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรภายหลังถูกกล่าวหาว่าการอนุมัติก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทองเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีทองอยู่ในแผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนขนาดรองของ กทม.ตั้งแต่ปี 2552 โดยให้สายรองเป็นอำนาจดำเนินการของท้องถิ่น ต่อมาคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกได้เห็นชอบให้กทม.ดำเนินการโครงการและมีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ กทม.ดำเนินการ ในระหว่างนั้น กทม.โดยเคที (บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด) หาแนวทางที่จะลงทุนในส่วนนี้ เพราะ กทม.ไม่มีสภาพคล่อง โดยทางเคทีตกลงกับภาคเอกชนที่จะให้เอกชนซื้อโฆษณาล่วงหน้าของสายสีทองจำนวน 30 ปีประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าของการโฆษณามีจำนวนมาก

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น กทม.มอบหมายให้เคทีดำเนินการ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่พึ่งงบประมาณของ กทม. เคทีก็ได้ลงนามในเอ็มโอยูเรื่องโฆษณา เมื่ออนุมัติดำเนินการ ทางเอกชนให้งบประมาณกับเคทีเพื่อเป็นค่าโฆษณา เคทีไปดำเนินการสร้างโยธาของสายสีทอง ถ้าพิจารณาตรงนี้ถือว่าระบบขนส่งมวลชนเป็นความจำเป็นของทุกเมือง เพราะสามารถแก้ไขปัญหาการจราจร สิ่งแวดล้อม ลดการใช้ยานพาหนะของประชาชน และลดอุบัติเหตุ ระบบขนส่งมวลชนที่จะต้องเป็นระบบรางที่มีทั้งระบบหลักและระบบาง เพื่อดึงให้คนเข้าสู่ระบบการขนส่งมวลชนให้มากที่สุด

ปัญหาของการดำเนินการ คือ ทำได้ช้ามากและใช้เงินลงทุนมากกว่าจะคุ้มทุนต้องใช้เวลา 10 ปี ในอดีตที่ผ่านมามีเอกชนลงทุนงานโยธาเพียงเดียว คือ บีทีเอส และประสบปัญหาการขาดทุน จากนั้นเป็นต้นมาภาครัฐต้องเข้ามาลงทุนสร้างงานโยธาเองและจ้างบริษัทเดินรถ ทำให้การลงทุนเป็นได้ล่าช้า จึงนำมาสู่การลงทุนอีกรูปแบบหนึ่ง คือ หากมีเอกชนรายใดต้องการสร้างงานโยธาของระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่และขอดำเนินการลงทุนทั้งหมด ก็ควรจะต้องพิจารณา โดยมีหลักการพิจารณาว่าถ้าประเทศชาติได้ประโยชน์ก็ควรรับพิจารณาแต่ต้องเป็นไปตามกฎหมายและเป็นธรรม มิเช่นนั้นจะต้องรอให้รัฐลงทุนเองซึ่งจะเป็นไปได้ช้ามาก

เรื่องนี้เมื่อมีการดำเนินการก่อสร้างแล้ว รัฐจะได้เส้นทางสายสีทองมาโดยไม่ได้ลงทุนงานก่อสร้าง ประชาชนได้สายรองในพื้นที่ที่จะสามารถขยายต่อไปได้อีก ส่วนเอกชนก็สามารถดำเนินประกอบธุรกิจได้ ส่วนการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีปี 2537 ที่ในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์จะต้อสร้างเป็นระบบใต้ดินนั้นสายสีทองเป็นสายรองที่ต้องเชื่อมกับสายอื่นๆ เช่น สายสีเขียวที่มีอยู่แล้ว เป็นต้น หากไม่ทำเช่นนี้จะต้องใช้เงินลงทุนและเวลาดำเนินการอีกมาก ดังนั้น มติ ครม.จึงยกเว้นให้สามารถก่อสร้างบนดินได้ เพื่อเชื่อมกับสายสีเขียว

“อยากเสนอสภาให้ช่วยพิจารณาเรื่องคำว่า “เอื้อ” ด้วย การลงทุนในประเทศจะต้องมีนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ จึงต้องมีช่องให้นักลงทุนภายในประเทศได้มีโอกาสลงทุน ขณะนี้สังคมกำลังคิดว่าทางเอกชนรวยมากและได้เปรียบ ขอให้ลองพิจารณาดูว่าที่จะให้คนที่รวยที่ลงทุนในแผ่นดินภายใต้กฎหมาย ถ้าไม่ให้ลงทุนแล้วก็อยู่อย่างนี้อยู่เฉยๆ แต่เมื่อเรามีความสามารถจะทำได้ ก็ควรดำเนินการ ในคณะรัฐมนตรีนั้นนายกฯ เพียงคนเดียวสั่งไม่ได้หรอกครับ เพราะไม่มีใครยอมไปเป็นคดี และอยู่ในคณะรัฐมนตรีก็มีหลายเรื่องที่ไม่เห็นด้วยและก็ถอนกลับไปเสมอ ดังนั้น มติ ครม.ก็เป็นมติ ครม. ไม่ใช่นายกฯ” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น