อดีตส.ส.ปชป. ระบุคดีอุ้มตัวพี่ชายผู้พิพากษา ทำเพื่อแลกยกฟ้อง "บรรยิน" ถือเป็นเรื่องใหญ่กระทบอิสระในการพิจารณาคดีศาล จี้นายกฯ ปล่อยคุกคามผู้พิพากษาไม่ได้ คาดถูกนำไปถล่มซักฟอก สะท้อนยุคนี้ไม่มีความปลอดภัยแม้กระทั่งในศาล
วันนี้ (23ก.พ.) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีคนร้ายใส่แว่นดำสวมหมวกแก็ปใช้อาวุธจี้ตัวพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ขึ้นรถตู้ติดป้ายทะเบียนปลอมจากหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ตั้งแต่ค่ำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าไปจ.นครสวรรค์และกำแพงเพชร ปรากฎข่าวว่ามีการต่อรองให้องค์คณะผู้พิพากษาคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.บรรยินเป็นจำเลยในคดีอุกฉกรรจ์นั้น
คนร้ายต่อรองให้มีคำพิพากษายกฟ้องพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นเรื่องใหญ่มากเพราะกระทบต่อความเป็นอิสระในการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรม สะเทือนไปทั้งประเทศแต่มีการปิดข่าวเพื่อความปลอดภัยของตัวประกันชายที่มีอายุกว่า 70 ปี และเรื่องได้ปรากฏความคืบหน้าต่อสาธารณชนในวันนี้
ไม่น่าเชื่อจริงว่าจะมีการจับตัวประกันกลางกรุงเทพเพื่อบีบบังคับผู้พิพากษาให้ยกฟ้องในคดีสำคัญของประเทศ แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้วในรัฐบาลนี้ สังคมไทยได้มาถึงจุดวิกฤตสุดๆในทุกด้านรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาต้องรีบยกมาตรการในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับตุลาการและรวมถึงพี่น้องประชาชนทั้งประเทศให้ได้ และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ต้องมีหลักประกันในความเป็นอิสระของตุลาการในการพิจารณาคดี จะปล่อยให้มีการข่มขู่คุกคามผู้พิพากษาและครอบครัวเพื่อให้ตัดสินคดีโดยไม่อิสระแท้จริงตามรัฐธรรมนูญไม่ได้
จากคดีนี้พรรคการเมืองบางพรรคอาจนำเรื่องนี้ไปผนวกเพิ่มในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร เพราะสะท้อนให้เห็นว่าบ้านเมืองยุคพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่มีความปลอดภัยไม่ว่าในค่ายทหาร ในวัด ในห้างสรรพสินค้า ในโรงพยาบาลหรือแม้กระทั่งในศาลยุติธรรม
ผมเห็นใจพลเอกประยุทธ์ในการบริหารประเทศที่มีปัญหานานัปการ แต่เราต้องกล้าบอกความจริงกับผู้นำเพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า อย่ากลัวที่จะบอกความจริงกับผู้ปกครองประเทศและปัญหาความปลอดภัยและความอิสระของตุลาการในการตัดสินคดีตามรัฐธรรมนูญต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด