'สมชาย' ชี้เปรี้ยง อดีตกำลังตามมาหลอน กรณีช่วย “ทักษิณ” รอดพ้นศาล รธน. เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า สู่วิกฤติการเมือง 17 ปี วันนี้ “ค้านยุบส้มหวาน” ส่อซ้ำรอย ขณะ “แก้วสรร” ไล่ไปถาม คนพวกนี้อยู่ร่วมกันด้วยกฎหมายเป็นหรือไม่
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(17 ก.พ.63) เฟซบุ๊ก สมชาย แสวงการ ของ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความระบุว่า “ทันทีที่เห็น ช่อ พรรณิการ์ อ้าปากขอบคุณ อาจารย์ชาญวิทย์ ในฐานะผู้เริ่มแคมเปญ
#คัดค้านยุบอนาคตใหม่ และขอบคุณทุกรายชื่อที่มาร่วมแสดงพลัง พิสูจน์ว่าพรรคอนาคตใหม่ถือกำเนิดโดยประชาชน มีประชาชนเป็นเจ้าของ” นั้น ก็ต้องรีบตรวจดูรายชื่อในแพลทฟอร์ม Chang.org ที่เคยชื่นชมและร่วมลงชื่อสนับสนุนในบางกรณีพร้อมความแปลกใจอย่างน้อย 2ประการ
และไม่แปลกใจ 2 ประการคือ
ประการที่1) แพลทฟอร์มที่เคยมีผลงานรณรงค์อย่างสร้างสรรค์ในหลายเรื่องให้สังคม อาทิ การรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมหรือการช่วยเป็นปากเสียงแห่งการต่อสู้ให้ภาคประชาสังคม ได้กลายเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองแบบเลือกข้างๆคูๆได้อย่างไร
ได้แต่บอกว่า เศร้าใจและหมดสิ้นศรัทธาทันที
ประการที่ 2) คือเห็นพี่น้องเพื่อนพ้องเอ็นจีโอบางส่วนที่เชื่อว่าเคยมีบทบาทการร่วมต่อสู้กับภาคประชาชนอย่างไม่เอียงข้างไม่ฝักใฝ่การเมือง อาทิ คนที่ต่อสู้เรื่องน้ำเรื่องป่าเรื่องประมง หรือแม้แต่คนที่ต่อสู้เรื่องสิทธิพลเมืองบางคน ต่อสู้เรื่องสมานฉันท์ปรองดองบางคน แม้บางคนเคยเป็นกรรมการองค์กรอิสระเรื่องสิทธิมนุษยชนและคอป. เคยต่อสู้กับระบอบชั่วร้ายมานาน
กลับเข้าร่วมโยนอุดมคติใส่ลิ้นชัก เข้าชื่อกดดันเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่
เข้าทำนองพวกมากลากไป หรืออาจถูกตราหน้าว่า ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย
เพราะก่อนถึงบ่ายวันที่ 21ก.พ.63 นั้น ไม่มีใครทราบได้หรอกครับว่า ศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านนั้น จะมีคำวินิจฉัยยุบหรือไม่ ซึ่งเราทุกคนควรจะใช้สิทธิพลเมืองอย่างมีคุณค่าเหมือนที่พวกคุณพร่ำสอนประชาชน แทนการล่ารายชื่อกดดัน
มองดูแล้ว คลับคล้ายคลับคลากับตอนที่หลายคนหลงผิดชูกระแสช่วยนายทักษิณ ชินวัตร คดีโอนหุ้นให้ลูกที่ระดมโหมชูธงกระหน่ำความเห็นกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยกความผิดนั้นให้นายทักษิณ หรือที่เรารู้จักคำพิพากษาบิดเบี้ยวนั้นว่า “บกพร่องโดยสุจริต”
เป็นการปล่อยเสือเข้าป่าและลากไปสู่วิกฤติความขัดแย้งในชาติที่รุนแรงต่อเนื่องยาวนานมากว่า17ปี
หลายคนที่ร่วมลงชื่อวันนี้ ก็เคยเป็นกรรมการและอนุกรรมการในคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงและสร้างความปรองดอง (คอป.) ที่เคยระบุสาเหตุวิกฤติความขัดแย้งในชาตินั้น เกิดจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญคดีนั้น
วันนี้ท่านเหล่านั้น กลับกลืนน้ำลายและทำในสิ่งตรงข้ามและอาจสร้างปัญหาวิกฤติชาติอีกรอบได้อย่างไร
และไม่แปลกใจ ประการที่1) คือการที่เห็นบรรดาอาจารย์หัวหอกหัวหงอกหัวดำบางคน ในต้นขบวนล่ารายชื่อคราวนี้ เพราะรู้เช่นเห็นชาติมานานแล้วว่า ท่านเหล่านั้นเป็น the man behind the seen ในการดันก้นคนหนุ่มสาวที่หลงเชื่อลัทธิไปลงถนนตายเจ็บแทนมาแล้วหลายครั้ง
วันนี้โผล่หน้าออกหน้ากันชัดเจนว่า ใครเป็นใครก้อดีแล้ว เวลาเกิดวิกฤติจะได้ไม่ชี้ผิดตัว
ไม่แปลกใจประการที่2) คือการเดินเกมของพรรคอนาคตใหม่ ก่อนถึงวันพิพากษาที่จะใช้มวลชนมวลสมาชิกและผู้สนับสนุนทั้งหมดออกแรงกดดันคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งในคดีที่ผ่านมา ทั้งคดีถือหุ้นสื่อของนายธนาธร และคดีล้มล้างการปกครองที่สื่อบิดเบือนเรียกคดีอินามิลูติ เพราะดูๆแล้ว พรรคนี้เก่งการสร้างกระแสทั้งในสังคมโซเชียลและเก่งในกิจกรรมอีเวนท์ ไม่ต่างจากพรรคการเมืองรุ่นพี่ในระบอบทักษิณและการขับเคลื่อนมวลชนแบบ นปช. เพียงแต่เป็นคนละวัย จึงปลุกใจได้คนละแบบ
แต่เชื่อเถอะครับว่า หากเราช่วยกัน
#ให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย
ปล่อยให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 ท่าน ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา พิจารณาคดีทั้งข้อเท็จจริงแลข้อกฎหมายตามที่กกต.ร้องมาแล้ว
เราจะได้เห็นความยุติธรรมตรงไปตรงมาตามหลักนิติรัฐนิติธรรมแน่นอน
ผมจึงไม่เห็นด้วยต่อกลุ่มต่างๆที่ออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์ล่ารายชื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับที่เกิดในอดีต ที่ทำในคดีทักษิณและแบบแกนนำนปช. หาบรายชื่อไปกดดันถวายฎีกา
#หยุดเถอะครับ อย่าเริ่มสร้างวิกฤติการเมืองอีกเลย
#ให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย
วันเดียวกัน(17ก.พ.63) นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความ เรื่อง ยุบ "อนาคตใหม่" ? : ความเป็นไปได้ทางกฎหมาย ผ่าน www.thaipost.net โดยมีเนื้อหาดังนี้
ถาม คดีที่พรรคอนาคตใหม่กู้เงินหัวหน้าพรรค 191 ล้าน แล้วถูก กกต.ร้องศาลรัฐธรรมนูญ ให้สั่งยุบพรรคนั้น ต้องผ่านด่านกฎหมายอะไรบ้างครับ
ตอบ มีสามประเด็นครับ ประเด็นแรกคือ พรรคการเมืองกู้เงินได้หรือไม่ ? เพราะมีความเห็นฝ่ายหนึ่งยืนยันว่า เงินได้ของพรรคตามที่กฎหมายพรรคการเมือง ม.62 กำหนดจำกัดไว้นั้น ไม่มีเงินกู้อยู่เลย มีแต่ระบุว่าต้องเป็นเงินอุดหนุนของรัฐ หรือเงินค่าสมาชิก หรือเงินบริจาค เท่านั้น แล้วพรรคการเมืองจะมากู้เงินได้อย่างไร?
ถาม แล้วในทางกฎหมาย “เงินกู้” ถือเป็น “เงินได้” หรือครับ
ตอบ นี่คือประเด็นที่ศาลต้องตัดสิน ผมเองเห็นว่า “เงินได้” คือเงินที่พรรคได้จากสถานภาพที่เป็นพรรคการเมือง โดยวัตถุประสงค์ที่เป็นพรรคจึงไม่อาจไปทำมาค้าขายเกิดรายได้ขึ้นมาได้ กฎหมายเราจึงจำกัดที่มารายได้เขาไว้อย่างนี้
ปัญหามีอยู่ว่า ถ้าพรรคใดเดือดร้อนไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าตึกที่ทำการพรรค อย่างนี้เราจะให้เขากู้เงินมาใช้ค่าเช่าได้ไหม ตรงนี้ก็มีความเห็นอีกด้านหนึ่งยืนยันขึ้นมาว่าจะไปห้ามความสามารถทำนิติกรรมของพรรคการเมืองไม่ได้ ที่ผ่านมาก็เห็นกู้เงินกันได้เยอะแยะไปไม่ใช่หรือ นี่คือประเด็นแรกที่ศาลต้องวินิจฉัยก่อน
ถาม แล้วประเด็นที่สองคืออะไรครับ
ตอบ คือประเด็นที่ศาลต้องตัดสินว่า การที่พรรคการเมืองกู้เงินจากนายทุนได้ 191 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำและไม่มีหลักประกันเช่นนี้ ถือเป็นการรับประโยชน์โดยมิชอบ เพราะเกิน 10 ล้านบาท ตามที่มาตรา 66 ได้ห้ามไว้หรือไม่
ถาม มาตรา 66 เขาบัญญัติห้ามเฉพาะรับบริจาคเกิน 10 ล้านบาทเท่านั้นมิใช่หรือ
ตอบ ไม่ใช่ครับ...กฎหมายบัญญัติห้ามถึงการรับประโยชน์อื่นใด ในลักษณะที่เป็นการบริจาคด้วย ศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องตัดสินตรงนี้ว่า การที่คุณธนาธรให้พรรคกู้เงินถึง 191 ล้าน ระยะยาว ดอกเบี้ยต่ำ ไม่ต้องมีหลักประกันเลยเช่นนี้ ถือเป็นการให้บริจาคทรัพย์สินหรือไม่ และมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทหรือไม่?
ถาม ถ้าในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เป็นการบริจาคเกิน 10 ล้านบาท พรรคอนาคตใหม่ก็ต้องถูกยุบไปเลยสิครับ แอ่น..แอ๊นๆๆๆ
ตอบ ยัง..ยัง..ยังไม่ถึงที่สุดครับ มันยังเหลือประเด็นสุดท้ายว่า การกระทำอันต้องห้ามที่รับบริจาคเป็นประโยชน์ก้อนใหญ่อย่างนี้ จะจัดการลงโทษด้วยมาตรการทางกฎหมายเช่นใดได้บ้าง ตรงจุดนี้พรรคอนาคตใหม่ มีโอกาสพลิกล็อคชนะคดีได้มากทีเดียว
ถาม อ้าว...จะชนะได้อย่างไรครับ ถ้าชัดแล้วว่าพรรคนี้กระทำผิด รับบริจาคเกิน 10 ล้านบาทไปแล้ว
ตอบ ข้อห้ามรับเงินบริจาคก้อนใหญ่ๆนั้น มาตรา 66 ห้ามไว้ก่อน แล้วก็มีมาตรา 125 บัญญัติตามมาให้ลงโทษอาญาปรับพรรคนั้น 1 ล้าน เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการทั้งหมด พร้อมทั้งริบเงินบริจาคนั้นด้วย
ถ้านี่คือเส้นทางเดียวที่ต้องเดิน กกต.ก็ต้องไปแจ้งความกับตำรวจ ให้ดำเนินคดีอาญากับธนาธรและพวก และในที่สุดคดีนี้ก็ต้องไปศาลยุติธรรม 3 ชั้นศาล ไม่ใช่ไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ยุบพรรค
ถาม ถ้าเป็นอย่างนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องยกคำร้อง กกต. ให้ กกต.กลับไปแจ้งความตำรวจเอาเอง จะมาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไม่ได้
ตอบ เป็นเช่นนั้นครับ
ถาม แล้ว กกต.อ้างกฎหมายอะไรมาเสนอให้ยุบพรรคเขาอย่างนี้
ตอบ มันมีมาตรา 72 ใน พ.ร.บ.พรรคการเมือง ระบุห้ามมิให้พรรค “รับเงินบริจาคที่รู้หรือควรรู้ว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ” แล้ว มาตรา 92 ก็รับลูกไปบัญญัติให้ยุบพรรคได้ มาตรา 72 นี้ เดิมทีเข้าใจกันมาว่า ใช้ห้ามมิให้พรรคการเมืองยอมตนรับฟอกเงินให้มาเฟีย คือเงินที่รับเป็นเงินที่ “คนให้ได้มาโดยมิชอบ”
แต่มาในคดีอนาคตใหม่นี้ กกต.กลับตีความว่า หมายถึงกรณีที่เงินมีที่มาถูกต้องแต่ “คนรับ รับโดยมิชอบ” เพราะเป็นพรรคการเมืองจะรับเงินบริจาคเกิน 10 ล้านบาทไม่ได้ เมื่อตีความอย่างนี้ กกต. ก็เลยพาคดีนี้มาศาลรัฐธรรมนูญแทนที่จะไปโรงพัก
ถาม ฟังดูแล้ว เป็นปัญหาตีความทั้งนั้น ทั้งสามเรื่องเลย
ทั้ง - “ เงินกู้คือเงินได้หรือไม่ ?” - “ให้กู้ก้อนใหญ่ดอกเบี้ยต่ำไม่มีหลักประกัน เป็นเงินบริจาค? หรือไม่” - “ ใครคือผู้ได้เงินมาโดยมิชอบ ตามมาตรา 72 หมายถึง คนให้ หรือคนรับ”
แล้วอย่างนี้...จะตัดสินกันอย่างไรก็ได้ อย่างนั้นหรือครับ
ตอบ การตีความกฎหมาย ต้องดูทั้งความตามตัวอักษร ทั้งความตามเจตนารมณ์ และผลที่จะเกิดในความเป็นจริงประกอบกันทั้งสามประการว่า เหตุผลที่ฟังได้ที่สุดนั้นอยู่ตรงไหน ตรงนี้เป็นอำนาจเด็ดขาดของศาลครับ เราได้แต่คาดการณ์ และวิจารณ์ในภายหลังเท่านั้น
ถาม อาจารย์คาดว่าน้ำหนักเหตุผลจะอยู่ตรงไหนครับ
ตอบ การฝ่าฝืนรับบริจาคเกิน 10 ล้านตามมาตรา 66 มันเป็นความผิดทางการเงิน กฎหมายกำหนดโทษให้ปรับพรรค 1 ล้าน และริบเงินบริจาค กับตัดสิทธิเลือกตั้งของกรรมการ กกต.เอามาขอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ตามม. 72และ 92 ได้ลำบาก
มาตรา 72 นั้น มันตกเป็นพรรคที่อันตรายต่อสังคมเพราะยอมฟอกเงินที่ผิดกฎหมาย เลวยังงี้ถึงจะยุบได้ แถมผู้เกี่ยวข้องต้องโทษถึงติดคุก 3 ปีด้วย แต่ในคดีอนาคตใหม่นี้ มันไม่ใช่การฟอกเงินผิดกฎหมาย แต่เป็นเงินที่คุณธนาธรเขาได้มาโดยชอบ จะเอาไปเป็นเหตุยุบพรรคได้ยาก มันผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย ได้แต่ลงโทษปรับพรรค 1 ล้านบาทและตัดสิทธิกรรมการเท่านั้น
ถาม ไปคดีอาญา ฟ้องให้ศาลอาญาปรับพรรคอนาคตใหม่ ตัดสิทฺธิคุณธนาธรและพวกที่รับเงินกู้จากคุณธนาธร อย่างนั้นหรือ? มันตลกไหมครับ
ตอบ เราลงโทษผู้บริหารพรรค ที่ยอมรับประโยชน์เป็นทาสน้ำเงินของนายทุน แล้วบังอาจมาเสนอตัวรับใช้ประชาชนโดยอ้างว่าเป็นอิสระจากผลประโยชน์ใดๆ นี่คือข้อห้ามทางกฎหมาย
จริงๆแล้ว พรรคอนาคตใหม่จะตกเป็นทาสธุรกิจยานยนตร์ของธนาธรหรือไม่ เราไม่ทราบ แต่ข้อนี้เป็นวินัยพรรคการเมืองที่เรากำหนดไว้ ผิดวินัยก็ต้องจัดการ ไม่ต่างจากพระภิกษุที่ฝ่าฝืนวินัย แรมคืนอยู่ห้องเดียวกับสีกา เปิดประตูกุฏิมาเจออย่างนี้จะมีอะไรกันหรือไม่ก็ไม่สำคัญเลย คณะสงฆ์ลงโทษได้แล้ว
ถาม แล้ว พรรคอนาคตใหม่จะเป็นประชาธิปไตยในพรรคได้อย่างไรครับ ในเมื่อกู้เงินหัวหน้าพรรคถึง 191ล้านบาท พรรคที่เป็นเผด็จการลึกในไขข้ออย่างนี้ กฎหมายยุบไม่ได้หรือครับ
ตอบ ไม่ได้ครับ...ประชาชนต้องดูพฤติการณ์จริงเป็นเรื่องๆ ต่อไปครับ ว่า ส.ส.อนาคตใหม่เป็นวัวควายในคอกธนาธรหรือไม่ แล้วก็พิจารณายุบด้วยน้ำมือของประชาชนเอง
ถาม เมื่อปัญหาในคดีเป็นปัญหาตีความทางกฎหมายทั้งหมดอย่างนี้ แล้วบรรดานักวิชาการและผู้นำภาคประชาสังคมทั้งหลายเขาออกมาคัดค้านการตีความของศาลรัฐธรรมนูญกันทำไม...เขารู้หรือครับว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตีความอย่างไร
ตอบ เขาไม่สนใจหรอกครับว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความอย่างไร ก็เชิญว่ากันไป แต่เขาอ้างว่า เขาโผล่มาเพราะไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมืองเป็นสำคัญ
ถาม แล้วก่อนหน้านี้ทำไมไม่ค้าน กลับมาค้านตอนศาลกำลังจะตัดสินคดีอนาคตใหม่กู้เงินคดีนี้ สามอาทิตย์ก่อน ตอนคดีอิลลูมินาติที่มีผู้ร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่นั้น ทำไมไม่โผล่มาค้านในคดีนั้นด้วย คดีนั้นศาลท่านก็ยกฟ้องไปแล้ว แล้วทำไมมาค้านคดีนี้อีกโดยอ้างลอยๆกันว่า
"ประเทศไทยต้องไปข้างหน้า การเมืองต้องเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่าย... เลิกคิดเสียทีว่า การยุบพรรคการเมืองหรือตัดสิทธิ์ทางการเมืองของคนที่คิดไม่เหมือนเราจะนำไปสู่ความสงบในสังคม”
อ้างอย่างนี้คือการอ้างว่า ศาลตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของผู้มีอำนาจนั่นเอง ถ้าศาลเป็นอย่างนี้จริง แล้วทำไมพิพากษายกฟ้องตัดสินไม่ยุบอนาคตใหม่ในคดีอิลลูมานาตินั่นล่ะครับ ตกลง..ศาลไทยคือสถาบันที่ต้องถูกพวกคุณตีปลาหน้าไซได้ฟรีๆอย่างนี้ทุกคดี ทุกครั้งเลยหรือ นี่เห็นพรรคพวกตัวเองขึ้นศาลแล้วยอมไม่ได้เลยใช่ไหม
ตอบ เขาก็ว่า...เขารำพึงให้คุณฟังลอยๆเท่านั้นว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคเพื่อปิดปากทางการเมือง
ถาม แล้วถ้ายุบเพราะทำผิดกฎหมายจริงๆล่ะครับ จะยอมรับไหม
ตอบ คุณไปถามเขาเองให้ชัดเจนดีกว่า ว่า ในสมองของเขามีการอยู่ร่วมกันด้วยกฎหมายด้วยความถูก-ผิดหรือไม่ หรือมีแต่สังคมไทยที่แสนจะน่าเกลียดน่าชังสำหรับพวกเขาเท่านั้นใช่ไหม
แน่นอน, สิ่งที่เห็นตรงกันทั้ง “สมชาย” และ “แก้วสรร” ก็คือ ยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ อยู่ที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั่นเอง
และเห็นคล้ายกันว่า การคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ ของคนบางกลุ่ม เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับหลักนิติรัฐ นิติธรรม โดย “สมชาย” ถึงขั้นเห็นว่า การกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าศาลฯโอนอ่อนผ่อนตาม อาจไม่ต่างจากอดีต ที่เคยทำพลาดกับนายทักษิณมาแล้วด้วย
ก็ต้องมาดูกันว่า ถึงที่สุด จะเกิดอะไรขึ้น!?